Audi Grandsphere ว่าที่ A8 รุ่นถัดไป เตรียมเปิดตัวปี 2024

Audi ผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียมจากเยอรมนี ได้ออกมาประกาศถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Audi A8 รถยนต์ซีดานขนาดใหญ่ เจเนอเรชันถัดไป ที่จะเปิดตัวในปี 2024 โดยมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นรถยนต์ BEV ที่ใช้พลังงานจากแบทเตอรีเต็มรูปแบบ Audi A8 จะแตกต่างจากคู่แข่งที่ยังคงยังมีเครื่องยนต์สันดาปทำการตลาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes ที่ปัจจุบันเพิ่งเปิดตัว S-Class ทำตลาดควบคู่ไปกับโมเดลไฟฟ้าอย่าง EQS หรือ BMW ที่ยังใช้ 7 Series เป็นโมเดลหลัก และแชร์พแลทฟอร์มไปยัง i7 Series ที่ใช้มอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้า หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Audi อย่าง Marc Lichte ได้ออกมากล่าวถึงการพัฒนา Audi A8 เจเนอเรชันถัดไปว่า ตัวรถจะได้แนวคิดมาจาก Audi Grandsphere ซึ่งเป็นรถยนต์แนวคิดที่เปิดตัวเมื่อปี 2021 ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อใช้เป็นรากฐานให้กับผลิตภัณฑ์ BEV ของบริษัท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานของการเปลี่ยนจากผู้ผลิตยานยนต์ที่ใช้งานเครื่องยนต์สันดาปภายใน ไปสู่ผู้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ภายในปี 2033 และยังได้กล่าวว่า "Grandsphere" นั้นใกล้เคียงมากกับรูปลักษณ์ของ A8 รุ่นถัดไป และจะเป็นรูปแบบเดียวกับที่จะใช้งานในการผลิตเพื่อการจำหน่ายจริง Audi A8 รุ่นใหม่ จะพัฒนาบนพแลทฟอร์ม Premium Platform Electric (PPE) ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับ Porsche ซึ่งตัวรถจะมีความยาวที่มากเป็นพิเศษ จนถูกขนานนามว่าเป็น "เครื่องบินส่วนตัวบนท้องถนน" โดยตัวรถจะมีความยาวที่มากถึง 5,350 มม. ตั้งอยู่บนฐานล้อ 3,190 มม. ซึ่งจะยาวกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีฐานล้อยาวที่สุดของ Audi ที่วางจำหน่ายทุกตัวในปัจจุบัน Audi Grandsphere ติดตั้งมอเตอร์ขับกำลังไฟฟ้าขนาด 710 แรงม้า ให้แรงบิดที่มากถึง 960 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 4 วินาที ในส่วนของแบทเตอรีจะมีขนาด 120 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำระยะในการวิ่งได้สูงสุด 750 กม. แบทเตอรีมีคุณสมบัติในการประจุไฟบนสถานีจ่ายไฟแบบ DC โดยใช้เวลาชาร์จจาก 5-80 % ในเวลาเพียง 20 นาที และสามารถเพิ่มระยะการวิ่งได้ 300 กม. ด้วยการชาร์จด่วน 10 นาที การตกแต่งภายใน ตามแนวคิดของ Audi Grandsphere มีความล้ำยุคมาก เมื่อคุณเดินไปที่รถ ประตูก็จะเปิดออกให้ เหมือนอ้อมแขนของแม่ที่ต้อนรับคุณ และไม่มีเสา B ทำให้ภายในรถทั้งหมดดูโอ่อ่า และใหญ่โต ด้วยความสามารถในการขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 4 Audi Grandsphere ได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ส่งผลให้การออกแบบระบบบังคับเลี้ยว และแป้นเหยียบสำหรับคนขับ สามารถซ่อนไว้ในแผงหน้าปัด และแผงพื้นเมื่อไม่ต้องการ และสามารถควบคุมการทำงาน การสั่งการรถด้วยท่าทางไม่ว่าจะเป็นตา หรือมือ