มาตรวัดตลาดรถ
ภาพสวย คาดหวังได้
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2022/2021
ตลาดโดยรวม +26.3 %
รถยนต์นั่ง +19.1 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +17.7 %
กระบะ 1 ตัน +33.0 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +20.0 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2022/2021
ตลาดโดยรวม +26.1 %
รถยนต์นั่ง +31.0 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +22.7 %
กระบะ 1 ตัน +24.7 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +18.0 %
วงการรถยนต์ผ่านไปแค่เพียงต้นปี เริ่มที่จะปรับทิศปรับทางได้ ดีใจที่เห็น ”ยอดขาย” ขยับเพิ่มในแดนบวกแม้เวลาสั้นแต่ว่าทำให้บรรยากาศเกิด ”ภาพสวย” และที่น่าสนใจ คือ งานด้านนโยบายของรัฐออกมา ในจังหวะ และเวลาพอดิบพอดี ทำให้เรื่องราวของรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เป็น ”ทอล์คออฟเธอะทาวน์” ก็พอจะคาดหวังได้ กับอนาคตยาวไปถึงสิ้นปี 2566
ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2565 ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการกระตุ้นตลาดในงาน ”มหกรรมยานยนต์” ยังมีผลต่อเนื่องจากจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นยอดซื้อ-ขายในงาน ยาวเรื่อยมา ส่งผลให้ตลาดรถปิดยอดใน 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้นโดยตลอด ยังไม่รวมรถที่รอส่งมอบอีก เนื่องจากปัญหาเซมิคอนดัคเตอร์ขาดแคลน ซึ่งเป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ของภาคการผลิต การส่งมอบรถใหม่ต้องยืดระยะเวลานานออกไปกว่าปกติ
ตามมาตรการกระตุ้นรถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐที่มีผลในช่วงปี 2565-2568 ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์แบทเตอรีไฟฟ้า 3 กลุ่ม คือ
1. เงินอุดหนุนรถยนต์ และรถกระบะ 70,000-150,000 บาท/คัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาท/คัน
2. ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8 % เป็น 2 % และรถกระบะเป็น 0 %
3. ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40 % สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566
4. ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ
ข้อที่ 1 กับข้อที่ 2 เกี่ยวกับหน้าบ้าน คนซื้อ-คนขาย ข้อ 3 กับ 4 เป็นเรื่องหลังบ้าน ที่บรรดาผู้ผลิตจะต้องว่ากันตามเงื่อนไข
การกำหนด ”ราคา” ใหม่ ของค่ายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปรับตามมาตรการกระตุ้นนี้ ออกดอกออกผลเป็นรูปธรรม ทำให้ ”ราคา” รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดลดลงทันที 18-23 % แม้ว่าวันนี้ ในตลาดรถไทย มีรถยนต์ไฟฟ้าคันที่เรียกว่า รถยนต์ที่ซื้อมาแล้วใช้งานได้ เชื่อถือได้ สบายใจ จำหน่ายอยู่เพียง 23 รุ่น และมีแค่ 7 รุ่น จาก 2 ค่ายผู้ผลิต ที่ลงนามบันทึกข้อตกลงกับรัฐบาล เพื่อรับเงื่อนไข เข้าโครงการสนับสนุนกับรัฐบาล แม้ว่าจะมีจำนวนไม่มาก แต่เมื่อมองที่ ”ราคา” ขายแล้ว เราได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าอันเป็นเทคโนโลยีใหม่ เปิดราคามา 7 แสนบาท เป็นราคาพอที่คนทั่วไปที่ต้องการทดลองของใหม่ สามารถหาซื้อได้ไม่ยาก ส่งผลให้ การตัดสินใจของคนซื้อง่ายขึ้นทันที ภาครัฐประเมินมา ปีนี้รถยนต์ไฟฟ้าจากมาตรการกระตุ้นจะทำให้มียอดจำหน่าย ประมาณ 3,000 คัน ซึ่งก็ไม่น่ายาก เพราะว่าช่วงที่เริ่มเคาะราคาใหม่ ยอดจองรถก็ทะลุหลัก 1,000 คันไปแล้ว
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าราคาใหม่มีจำหน่ายได้แค่ 7 รุ่น แต่บรรยากาศ ”ลดราคา” ได้ส่งผลดีต่อภาพรวม ทำให้รถอื่นๆ พลอยคึกคักไปด้วย
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับลดราคาลงมา ส่งผลทางอ้อมต่อวงการขายรถพอสมควร นั่นคือ ราคารถยนต์อื่นๆ ที่เคยอยู่ในตลาดต้องพบกับความท้าทาย โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน กลุ่มซับ-คอมแพคท์ ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 7 แสน-1 ล้านบาทต้นๆ ไม่ว่ารถนั้นจะมีโครงสร้างตัวถังแบบใดก็ตาม ทั้งซีดาน, แฮทช์แบค, เอมพีวี, เอสยูวี โดยเหมือนกันหมด เนื่องจากข้อได้เปรียบทางด้านสเปคของรถยนต์ไฟฟ้า จากราคาล้านกว่าๆ ซึ่งการทำพโรดัคท์ ต้องใส่ออพชันเต็มแบบรถราคาล้าน แต่มาขายกันหลักแสน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บริโภครับข้อดีส่วนนี้ไปเต็มๆ
มีคำถามว่า ทำไมมีรถยนต์ไฟฟ้าแค่ 7-8 รุ่น จาก 2 ค่ายเท่านั้นเองที่ลดราคาลงในช่วงแรก แล้วเรามีโอกาสหาซื้อรถจากค่ายอื่นๆ หรือไม่ ?
คำตอบประการแรก คือ มีค่ายรถต้องการลดราคาแต่ยังไม่พร้อม ผู้ผลิตกลุ่มนี้อยู่ในขั้นตอนวางแผนผลิต และการทำตลาด มีทั้งรถหน้าใหม่ บแรนด์ใหม่จากจีน และบแรนด์เดิมที่อยู่ในตลาดจากญี่ปุ่น และยุโรป อย่างน้อย 4 ค่ายในปีนี้
ประการที่ 2 มีค่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีโอกาสลดราคาเลย คือ ไม่ร่วมโครงการ เนื่องจากค่ายเหล่านั้นไม่มีนโยบายผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ค่ายรถเหล่านี้ เข้าร่วมโครงการไม่ได้ เพราะเงื่อนไขของโครงการ คือ รับส่วนลดไปแล้ว หากขาย 1 คัน ต้องผลิตในไทย 1.5 คัน ในเมื่อค่ายรถเหล่านี้ไม่มีแผนผลิตรถยนต์ทั้งรถไฟฟ้า หรือแม้แต่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ในบ้านเรา ก็ไม่มีทางที่จะได้ส่วนลด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่ายรถแพงๆ จำนวนการผลิตน้อย บริษัทแม่มีนโยบายระดับโกลบอลว่าจะไม่ทำพโรดัคชันในภูมิภาค หรือประเทศเล็กๆ อย่างไทย รถเหล่านี้จะเน้นการนำเข้าสำเร็จรูป (CBU) เป็นหลัก
ในภาคของคนใช้ สำหรับคนที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจัยทางด้านเทคนิคตัวรถ ความกังวลต่อปัญหานี้น้อยลงมาก เพราะคนยอมรับ และรับรู้กันมากขึ้น ว่ารถยนต์ไฟฟ้าพัฒนาเทคโนโลยีก้าวหน้า คุณสมบัติด้านดีของรถยนต์ไฟฟ้า ภาพรวมแล้วย่อมดีกว่ารถ ICE โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องเชื้อเพลิง และ RUNNING COSTS ต่างๆ ยิ่งราคาน้ำมันมีโอกาสสูงไปกว่านี้ เราเห็นข้อดีของรถมากกว่าข้อด้อย
คำแนะนำ คือ การซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ให้ดูความพร้อมของตัวเอง โดยเอาบ้านเป็นศูนย์กลาง ถ้าระยะทำการ/การชาร์จ 1 ครั้ง ขับออกจากบ้าน ไม่ค้างคืน แล้ววิ่งไป/กลับมาชาร์จที่บ้านได้ เท่านั้นจบ รถยนต์ไฟฟ้า ราคาใหม่ระดับ 7 แสนบาท มีระยะใช้ได้อย่างน้อย 360-380 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง เราก็ประเมินว่าเพียงพอต่อการใช้แบบบ้านเป็นศูนย์กลางหรือไม่ กรณีขับไปเกินระยะทำการ ก็ต้องวางแผนการเดินทาง ตามสะดวกของท่านเท่านั้นเอง
ขณะนี้ จังหวะเวลาทุกอย่างมาดีแล้ว ดัชนีต่างๆ ค่อยๆ ปรับตัว “ภาวนา” ให้ภาครัฐ ส่ง ”ไม้เด็ด” ออกมาต่อเนื่อง เพราะยังมีเรื่องน่าห่วงอยู่ ตราบใดที่เขายังไม่เลิกรบรากัน
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2565
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/407969