ภัทรกิติ์ : ความลู่ลม คือ หัวใจของรถไฟฟ้า รถคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.20 ขณะที่รถยุคปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 0.30 ขึ้นไป ดังนั้น ตัวเลขตรงนี้จึงบ่งบอกถึงความเงียบของรถ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพในการแหวกอากาศได้เป็นอย่างดี
รูปลักษณ์ภายนอกของ MERCEDES-EQ EQS ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะดูเหมือนเห็บอวกาศ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกอย่างเรียบไปหมด ถ้าใครชอบเรียบๆ ก็อาจจะตรงเสปค ขนาดรถจริงดูใหญ่มากๆ เนื่องด้วยใช้แบทเตอรีความจุกว่า 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องออกแบบให้มีขนาดใหญ่ และต้องแก้ปัญหาเรื่องสัดส่วนด้วยการใส่ล้อใหญ่ แต่ถือว่าทำออกมาได้ดี
หากเทียบกับ BMW I7 (บีเอมดับเบิลยู ไอ 7) ฝั่งโน้นรูปร่างเตะตา และดูน่าสนใจมากกว่า โดยเฉพาะด้านหน้าที่ดุดัน ส่วน MERCEDES-EQ EQS มีหน้าตาที่เป็นมิตรมาก เลยไม่น่าสนใจเท่าไร แต่นี่ไม่ใช่ข้อเสีย เพียงแค่ผมเห็นต่าง เพราะเรื่องประสิทธิภาพมันครบครันอยู่แล้ว ทุกอย่างลงตัวมาก
อภิชาติ : MERCEDES-EQ EQS เป็นรถไฟฟ้าที่เพรียวลม บริเวณด้านหลังลาดลงสไตล์ฟาสต์แบค ซึ่งอาจทำให้กังวลว่า ที่นั่งด้านหลังคับเเคบ ซึ่งจริงๆ ไม่เป็นแบบนั้น อีกทั้งการจัดการเรื่องสัดส่วนมีความลงตัวมาก โดยเฉพาะระยะห่างระหว่างฐานล้อ (WHEEL BASE) ที่ยาว แต่เขาสามารถทำให้ตัวรถดูสั้นได้ ซึ่งมันเยี่ยมมาก
การออกแบบพื้นผิวมีความคลีน และนุ่มนวล ไม่มีความแข็งมาให้สะดุดสายตา ประมาณว่าเป็น ORGANIC CURVE ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่ถูกถ่ายทอดจาก GORDEN WAGENER ดีไซจ์เนอร์ชาวเยอรมัน ที่ทำออกมาได้อย่างสวยงาม ลงตัว บริเวณด้านข้างประตู น่าสนใจ มีการดึงจุดพีคขึ้นมาอย่างสวยงาม ทำให้มันเกิดรีเฟลกซ์รับกับเส้นสายได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเป็นสีดำจะยิ่งสวยมาก เพราะจะทำให้รถที่ใหญ่ดูเล็กลง ส่วนกระจกหน้าออกแบบให้ลมวิ่งผ่านได้ไหลลื่น ส่งผลโดยตรงกับเรื่องแอโรไดนามิค
รายละเอียดเรื่องการใช้สีเป็นทูโทน ผมอยากให้มีทริมที่น่าสนใจกว่านี้ ซึ่งผมมองว่ารถที่ทำสีทูโทนแล้วดูพรีเมียม น่าจะเป็น ROLLS-ROYCE (โรลล์ส-รอยศ์) กับ BENTLEY (เบนท์ลีย์) สำหรับคันนี้ ยังดูขัดๆ อยู่บ้างจากช่วงรอยต่อของชิ้นส่วน แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะภาพรวมทำได้พรีเมียม
ไฟหน้า/ท้าย ออกแบบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพื้นผิวหลัก ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ค่ายดาวสามแฉกช่วงหลังมักมีการออกแบบที่คลีน ซึ่งเป็นการสร้างคาแรคเตอร์ที่ผมรู้สึกโอเค และให้ความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ กระจังหน้าออกแบบได้สวย แต่น่าจะมีลูกเล่นมากกว่านี้สักหน่อย ด้านท้ายมีรายละเอียดการออกแบบสวยงาม คาแรคเตอร์ชัดเจน ดูพรีเมียม ด้วยชิ้นส่วนทริมสีดำบวกกับไฟท้ายคาดยาวทรงนิยมที่รับกันอย่างลงตัว มีมิติของการดีไซจ์นที่ยอดเยี่ยม สรุปแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของรถคันนี้ ผมให้คะแนนเต็ม
ภายใน
ภัทรกิติ์ : การใช้จอไฮเพอร์สกรีนถือเป็นจุดขายที่ดี เพราะมันให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ รวมถึงจอแบบ GORILLA GLASS แต่ผมกังวลว่าการใช้งานด้วยจอสัมผัสอย่างเดียว มันจะเกิดรอยนิ้วมือมากมาย เเละหากไปแก้ปัญหาตรงนี้ด้วยการสั่งงานแบบแสดงท่าทาง (GESTURE) ก็จะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ซึ่งผมว่าดีที่สุด คือ สั่งการด้วยเสียง ถ้า AI พัฒนาไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์มันจะออกมาดี ผู้ขับขี่สามารถโฟคัสกับเส้นทางเพียงอย่างเดียว ไม่สัมผัสหน้าจอ
ช่องด้านล่างที่เก็บของ ถ้าเราสังเกตจากที่นั่งด้านข้างคนขับ กับที่นั่งคนขับจะมีลักษณะที่แตกต่างกัน ซึ่งช่องตรงนี้มันดีไซจ์นมาสำหรับคนนั่งข้าง เพราะเป็นสัดส่วนเพื่อคนนั่งข้างเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่รถยนต์อื่นๆ ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเรื่องการอำนวยความสะดวกให้คนที่นั่งข้าง เบาะนั่งด้านหลังดูหรูหรา ทันสมัย พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ ที่ดีมาก ทริมต่างๆ เเละรายละเอียดทั้งหมดดีมาก
อภิชาติ : ภายในห้องโดยสารเป็นคุณภาพงานระดับพรีเมียมอย่างแท้จริง สิ่งหนึ่งที่ผมให้คะแนนเต็มเลย คือ จอแสดงผลแบบไฮเพอร์สกรีน ที่ทำให้ห้องโดยสารมีมิติ
ช่องแอร์ก็ถือเป็นจุดขายเหมือนกัน มีดีไซจ์นน่าสนใจ การมีรูช่องแอร์แบบนี้ดีกว่าคลีนไปเลย ซึ่งมันจะดูเรียบเกินไป ทริมตรงใต้แดชบอร์ด เป็นลายไม้เหมือนเรือยอชท์ ให้อารมณ์พรีเมียมมาก ความรู้สึกการเปิด/ปิดต่างๆ ดูลงตัวหมดทุกอย่าง ที่เก็บของด้านล่างก็ทำได้ดี ภายนอก และภายในกลมกลืนไปด้วยกัน พวงมาลัยออกแบบให้มีคาแรคเตอร์
ภาพรวม
ภัทรกิติ์ : เป็นรถที่ฉีกกรอบอนุรักษนิยมของค่ายดาวสามแฉกไปไกล พวกเขากล้าที่จะทำรถตระกูล EQ และตัวนี้จะเป็นหัวหอกที่สดใหม่ ทันสมัย เหมาะกับยุครถไฟฟ้าอย่างแท้จริง
อภิชาติ : การออกเเบบคลีน ทำให้รถอยู่ได้ยาว ภายในดีไซจ์นโดดเด่น โดยเฉพาะแดชบอร์ด โดยรวมเป็นรถที่มีความหรูหรา และใส่ใจกับรายละเอียดดีมาก 
