ชีวิตอิสระ
ชมทะเลหมอกดอยหัวหมด เดินจนเหงื่อหยดเข้าน้ำตกทีลอซู
ไม่ว่าจุดหมายปลายทางจะไกลแค่ไหน การออกเดินทางไปกับรถที่รู้ใจ ถือเป็นของขวัญชั้นเลิศของนักเดินทาง “ชีวิตอิสระ” ฉบับนี้ จะพาลัดเลาะผ่านโค้งกว่า 1,219 โค้ง ไปชมความงามบนแผ่นดินลอยฟ้าที่อุ้มผาง จ. ตาก พร้อมรถที่รู้ใจอย่าง SUBARU FORESTER 2023 รุ่นใหม่ล่าสุด
เพลิดเพลินไปกับระบบ AWD ใน SUBARU FORESTER
ผมรู้สึกถูกชะตากับ SUBARU (ซูบารุ) ในหลายรุ่น โดยเฉพาะ SUBARU FORESTER (ฟอเรสเตอร์) จะชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากเดินทางไกลไม่เหนื่อย พื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย ที่สำคัญเกาะถนน และประหยัดน้ำมันเหลือเชื่อเมื่อเดินทางไกล
ครั้งนี้เราจะเดินทางไปยัง อ. อุ้มผาง จ. ตาก เพื่อไปชื่นชมทะเลหมอกที่ดอยหัวหมด และชมความอลังการของน้ำตกทีลอซู จากกรุงเทพฯ ใช้ระยะทางประมาณ 700 กม. แต่ต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 12 ชม. เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่เป็นภูเขา โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ต้องผ่านเขาสูงชันกว่า 1,219 โค้ง และฝ่าฝนเกือบตลอดทาง แต่ก็อุ่นใจได้เยอะ เมื่อมากับ SUBARU FORESTER เพราะเขามีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา AWD จะเป็นโค้งไหนก็เอาอยู่ แถมรุ่นนี้ยังอัพเกรดระบบ EYE SIGHT เป็นเวอร์ชันที่ 4 แล้ว ทำให้การขับทางไกลสบายขึ้นเยอะ แม้เครื่องยนต์จะยังเป็นตัวเดิมขนาด 2.0 ลิตร 156 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติซีวีที 7 จังหวะก็ตาม แต่ก็มีกำลังพอตัว และประหยัดน้ำมันได้อย่างน่าประหลาดใจ
ดอยหัวหมด จุดชมทะเลหมอกสุดอลังการ
ดอยหัวหมด ตั้งอยู่ใน อ. อุ้มผาง จ. ตาก เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามของอุ้มผาง มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูน ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดกันสุดลูกหูลูกตา สิ่งที่น่าแปลก คือ ภูเขาแถบนี้ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขี้น มีแต่ต้นหญ้าเตี้ยๆ เช่น ปรง ต้นเทียน ซึ่งจะออกดอกในช่วงฤดูฝน เสียดายที่เราไปเร็วเกินไปหน่อย (เดือนพฤษภาคม)
ชื่อ “ดอยหัวหมด” มาจากยอดเขาหัวโล้น ที่ถูกชาวบ้านถากถางเพื่อปลูกพืชไร่ ต้นไม้จึงหายหมด จนกลายเป็นที่มาของชื่อ แต่หากคุณมาที่นี่ยามเช้า ยอดเขาหัวโล้นนี้จะถูกสายหมอกมหาศาล ไหลมาบดบังกลายเป็นทะเลหมอกที่สวยงามสุดอลังการ ที่สามารถเห็นได้ทุกฤดู และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และตก ที่งดงามไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย
จุดชมวิวดอยหัวหมดมี 2 ที่ กม. ที่ 9 และ 10
ดอยหัวหมด อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 920 ม. มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็น และมีลมพัดตลอดเวลา ด้วยความที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เลยทำให้สามารถชมวิวได้แบบ 180 องศา ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยที่สุด คือ ตั้งแต่ 5.30-6.30 น. และนอกจากวิวทะเลหมอกที่จะได้เห็นแล้ว ยังสามารถมองเห็นวิวของ อ. อุ้มผาง ทั้งหมดได้จากจุดนี้อีกด้วย หากใครมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะสวยงามเป็นพิเศษ
การชมทะเลหมอกที่ดอยหัวหมดมีด้วยกัน 2 จุด จุดแรกอยู่ที่ กม. 9 ใครที่ขับรถเก๋ง หรือรถที่ไม่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะต้องจอดรถไว้ริมถนน แล้วเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กม. ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่เราขับรถเข้าไปได้ เพราะเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จุดนี้เป็นจุดที่สามารถชมทะเลหมอกได้สวยงามที่สุด สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบแบบ 180 องศา ส่วนจุดที่ 2 อยู่ กม. ที่ 10 มีทางแยกซ้ายไปยังลานจอดรถ จากนั้นต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 300 ม. จุดนี้นักท่องเที่ยวจะนิยมกันมาก เพราะเดินใกล้กว่าจุดแรก
น้ำตกทีลอซู มรดกจากขุนเขา แห่งป่าตะวันตก
หลังจากชมทะเลหมอกดอยหัวหมดเป็นที่เรียบร้อย เราเดินทางต่อไปยัง “น้ำตกทีลอซู” พร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำเป็นระยะๆ น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง การเดินทางเข้าสู่น้ำตกมีด้วยกัน 2 เส้นทาง คือ 1. “ล่องเรือยาง” เข้าไปตามลำน้ำแม่กลอง ที่สามารถขึ้นได้จากตัวอำเภออุ้มผาง วิธีนี้จะได้ชมความสวยงามของธรรมชาติป่าเขาตลอด 2 ฝั่งริมน้ำแม่กลอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. จากนั้นต้องต่อรถเข้าไปยังน้ำตกอีก 30 นาที
และแบบที่ 2 “ขับรถเข้าไป” ตามเส้นทางรถยนต์ จากหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวง ระยะทางประมาณ 25 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-5 ชม. ที่ใช้เวลานานขนาดนี้ เพราะเป็นทางที่คดเคี้ยว และสภาพปัจจุบันเป็นคอนกรีทที่พุพัง บางช่วงทรุดจนเป็นหลุมลึก ดังนั้นรถที่ทางอุทยานจะอนุญาตให้เข้าไปได้ จึงต้องเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีความสูงของตัวรถระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเราเข้าไปได้ หากใครไม่มีรถขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถเช่ารถของชาวบ้านเข้าไปชมน้ำตกจากที่ทำการอุทยานฯ ได้เลย
ผมใช้เวลาประมาณ 3 ชม. SUBARU FORESTER ก็นำเรามาถึงที่ทำการน้ำตกทีลอซู เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โดยไม่ต้องพึ่งระบบ X-MODE แต่อย่างใด
สวยสุดในไทย ใหญ่ติดอันดับ 6 ในเอเชีย
หลายคนคงเคยได้ยินการกล่าวขานถึงน้ำตกทีลอซู ว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศไทยกันมาบ้าง ว่ากันว่าเคยเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในเอเชียเลยทีเดียว เนื่องจากตัวน้ำตกตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 900 ม. เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยกล้อท้อทั้งสาย ตกลงสู่หน้าผาสูงชัน จนมีน้ำไหลแรงตลอดทั้งปี มีความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 ม. ไหลลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ บนความสูงประมาณ 300 ม. ที่รายล้อมไปด้วยป่าดงดิบที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
“ทีลอซู” มาจากภาษากะเหรี่ยงปกาเกอะญอ คำว่า “ที” แปลว่า น้ำ “ลอ” แปลว่า ไหล และ “ซู” แปลว่า แรง ดังนั้น ทีลอซู จึงแปลตรงตัวว่า น้ำตกที่ไหลลงมาอย่างแรง นั่นเอง
จากจุดกางเทนท์ที่ตั้งอยู่ที่ทำการอุทยานฯ จะมีเส้นทางเดินไปยังน้ำตกทีลอซู ระยะทาง 1.5 กม. เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ที่ผ่านป่าไผ่ และป่าเบญจพรรณ ระหว่างทางเดินมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติ และพืชพันธุ์ต่างๆ ให้ได้ศึกษา แน่นอนว่ามีจุดนั่งพักระหว่างทาง รวมถึงป้ายบอกทางทุก 500 ม.
ใครที่เดินทางมาถึงตัวน้ำตกได้ จะได้รับรางวัลเป็นภาพความสวยงามสุดอลังการ พร้อมเสียงน้ำตกที่ประสานเสียงกันอย่างไพเราะ ละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วโขดหิน ท่ามกลางป่าครึ้มสีเขียวที่สดใส
ผมนั่งมองตัวน้ำตกอยู่พักใหญ่ จนสามารถแบ่งความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้เป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกอยู่ซ้ายสุด เป็นกลุ่มใหญ่ที่สวย และสูงที่สุด มีธารน้ำตกหลายสายไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ จากความสูง 300 ม.
กลุ่มที่ 2 อยู่ช่วงกลาง ธารน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันใกล้เคียงกับกลุ่มซ้าย แต่ไม่เป็นชั้น และแคบกว่า
ส่วนกลุ่มสุดท้ายอยู่ขวามือสุด มีธารน้ำ และหน้าผาที่เตี้ยกว่า 2 กลุ่มแรก เมื่อมองทั้ง 3 กลุ่มรวมกัน จะเห็นความอลังการแบบพาโนรามากว่า 500 ม. น้ำตกทีลอซู จะยิ่งใหญ่สวยงามสุดอลังการ ผมคุ้มแล้วที่ได้มาเห็นด้วยสองตาตัวเอง
แผนที่
ที่กิน
มาเยือนอุ้มผางทั้งที อาหารขึ้นชื่อต้องเป็นวัตถุดิบพื้นถิ่นอย่างแน่นอน รวมถึงแมลงต่างๆ ที่ชาวบ้านหามาได้ ผมเลือกร้าน "ครัวป้าณี" เพราะเป็นร้านที่มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อยมายาวนาน และมักได้รับรองให้เป็นร้านรับแขกต่างบ้านต่างเมืองอยู่เสมอ ผมสั่งรถด่วนทอด จิ๊งกุ่งทอด กบทอดกระเทียม และต้มยำปลากด รสชาติอาหารร้านนี้จัดจ้านถึงรสถึงเครื่องเลยทีเดียว มีความอร่อยกลมกล่อมอย่างบอกไม่ถูก ใครมาอุ้มผางแนะนำต้องมาชิมให้ได้
ที่นอน
หากพูดถึงที่พักสวยๆ ในอุ้มผาง คงมีให้เลือกพอสมควร แต่หากอยากได้ที่พัก โดยมีกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ อย่างครบครันแบบจบในที่เดียว “อุ้มผางแค้มป์ปิ้ง” คือ คำตอบ ผมเลือกพักที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย เจ้าของอัธยาศัยดี แนะนำเราดีมาก แถมรีสอร์ทก็กว้างขวาง มีที่จอดรถเยอะ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่นครบครัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 600 บาท
ขอขอบคุณ
บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะสำหรับการเดินทางครั้งนี้
ABOUT THE AUTHOR
วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2566
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
คำค้นหา