แล่นไปในสายน้ำ
ไฮบริด คือ อนาคต
VOLVO PENTA และ BENETEAU GROUP ร่วมกันสร้างสรรค์เรือยนต์แบบยั่งยืน เราจะมาสังเกตการณ์ไปพร้อมๆ กันที่ KROSSHOLMEN ศูนย์ทดสอบ VOLVO PENTA ทางตอนเหนือของ GOTHENBURG, SWEDEN
ระบบไฮบริดคู่ขนานตัวใหม่ของ VOLVO PENTA (โวลโว เพนทา) ประสบความสำเร็จในการติดตั้งบนเรือขนย้ายคนสำหรับใช้งานในฟาร์ม และเรือสนับสนุนนักเล่นเซิร์ฟที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในแถบอาร์คทิค ครั้งแรกถูกจัดเป็นเรือท่องเที่ยว และพแลทฟอร์มที่เลือกเพื่อใช้ในการทดสอบ รอให้เราทดสอบ...
ระบบพื้นฐาน
NC37 (เอนซี 37) ของ JEANNEAU (เจนน์นู)เรือสปอร์ทครูเซอร์สำหรับครอบครัวที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน เมื่อเปิดฝากระโปรงจะได้พบเครื่องยนต์ D4-320 คู่หนึ่ง ที่ถูกเชื่อมต่อกับ DPI AQUAMATIC STERNDRIVES เครื่องยนต์ถูกขยับไปไว้ด้านหน้า 25 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างสำหรับเครื่องยนต์ไฟฟ้าขนาด 60 กิโลวัตต์อีก 1 คู่ ทั้งหมดถูกรวมเข้าไว้ด้วยกับเครื่องยนต์ดีเซลด้านท้ายเรืออย่างแนบเนียน
มอเตอร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อกับแบทเตอรี ประกอบด้วย โมดูล 8 ตัว มีความจุรวมกัน 67 กิโลวัตต์ แบทเตอรีถูกติดตั้งไว้ด้านหน้า และแบ่งไว้เท่าๆ กันระหว่างเตียงใหญ่ทางกราบขวาของ NC37 กับใต้เตียงข้างหนึ่งของเตียงคู่ทางกราบซ้าย เฉพาะแบทเตอรีมีน้ำหนักโดยรวม 600 กก. จากน้ำหนักทั้งหมดของระบบ 900 กก. แม้แบทเตอรีจะใช้พื้นที่ค่อนข้างมากบนเรือขนาดนี้ แต่สามารถจัดวางนอกห้องเครื่อง ทำให้พื้นที่ภายในห้องเครื่องยนต์มีมากขึ้น สามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการทำงานของระบบจะมีโหมดพื้นฐาน 3 โหมด
โหมด “ไฟฟ้า” จะใช้งานเฉพาะในส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ให้ความเร็วสูงสุด 10 นอท ทำระยะเดินทางได้ 15 ไมล์ทะเล ที่ความเร็ว 5 นอท
โหมด “ไฮบริด” ใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าทำความเร็วสูงสุด 1,500 รตน. ก่อนเครื่องยนต์ดีเซลจะทำงานต่อ ในโหมดนี้เครื่องยนต์ไฟฟ้ายังช่วยเร่งความเร็วทุกครั้งที่คุณโยกคันเร่งไปด้านหน้า ก่อนที่จะถูกตัดออกเมื่อถึงความเร็วเดินเรือที่คุณต้องการ เมื่อลดความเร็ว รอบเครื่องลดลงเหลือ 1,200 รตน. เครื่องยนต์ดีเซลจะหยุดการทำงาน และมอเตอร์ไฟฟ้าจะกลับมาทำหน้าที่ขับเคลื่อนเรือ
โหมดสุดท้าย มีชื่อว่า “เต็มพลัง” ใช้เครื่องยนต์ทั้งหมด 4 ตัว
เครื่องยนต์คู่ D4 320 แรงม้า พลังเครื่องยนต์ดีเซล
ความเร็วสูงสุด 35 นอท การชาร์จไฟ สามารถทำได้ 3 วิธี คือ การเสียบชาร์จจากแท่นจ่ายบนชายฝั่ง, ชาร์จไฟอัตโนมัติผ่านการใช้งานในโหมดไฮบริด หรือกดปุ่มชาร์จไฟ ขณะพักเรือ และชาร์จไฟผ่านเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้แบทเตอรีชาร์จไฟเต็มได้ภายในเวลาเพียง 1 ชม.
บนผืนน้ำ
เมื่อเราใช้งานในโหมดไฮบริด เสียงหึ่งๆ จะดังออกมาจากด้านล่างของดาดฟ้าด้านท้ายเรือ เสียงไม่ได้ดังถึงขนาดน่ารำคาญ อาจเปรียบได้กับเสียงเครื่องปั่นน้ำที่ดังเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ในขั้นตอนนี้เราใช้จอยสติค ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นระหว่างการเข้าเกียร์ ด้วยมอเตอร์ขนาด 60 กิโลวัตต์ ได้แรงขับเคลื่อนมากมายเช่นกัน แต่ถ้ารู้สึกว่าองค์ประกอบต่างๆ นั้นมากเกินไป การกดเพียงปุ่มเดียว ก็ช่วยให้สามารถกลับมาใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่คุณไว้วางใจได้เช่นกัน
เมื่อเดินเรือออกจากท่า และเริ่มกดคันเร่ง สิ่งที่น่าประทับใจจริงๆ คือ คุณพบว่าตัวเองกำลังเลี้ยงคันเร่งในมือขวา เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องยนต์ดีเซล จากนั้นมองไปที่จอด้านหน้า จะพบว่าความเร็ว 7 นอท ทำให้เดินทางต่อได้เพียง 1 ชม.เท่านั้น ดังนั้น คุณเลยลดความเร็วเหลือเพียง 5 นอท เพื่อเพิ่มระยะการเดินทาง 1 เป็น 3 ชม. แทน จากนั้นก็ลดความเร็วลง ให้เหลือเพียง 4.4 นอท เพื่อลดเสียงกระแทกน้ำ สิ่งที่ได้รับจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องทำรอบเพิ่มเติม เพื่อระงับแรงสั่นสะเทือน หรือรอลมพัดแรงๆ สักทีเพื่อพัดไอเสียออกไป
เมื่อต้องการเร่งความเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้น่าสนใจไม่ใช่น้อย โหมดไฮบริดจะพาเรือจากจุดหยุดนิ่งไปที่ 25 นอท ใช้เวลาประมาณ 19 วินาที แต่โหมดเต็มพลังสามารถให้ผลลัพธ์เดียวกันได้ภายในเวลาเพียง 12 วินาที เท่านั้น แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของซอฟท์แวร์มากกว่ากลไก และการเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้าเป็นเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อทำรอบขึ้น/ลง เป็นไปได้อย่างราบรื่น และเป็นธรรมชาติมาก ถึงแม้จะมีข้อมูลที่ไม่จำเป็นมากมาย แต่องค์ประกอบสำคัญของดิจิทอลอินเตอร์เฟศนั้น (การเลือกโหมด, สถานะแบทเตอรี ระยะเวลาที่เรือสามารถแล่นได้) เป็นอะไรที่ค่อนข้างใช้งานง่าย สิ่งที่คุ้มค่าที่สุด คือ วิธีการที่ระบบเหล่านี้ เปิดขอบเขตการใช้งานให้แก่ผู้ใช้ และคุณสามารถแอบเข้าไปที่ท่าจอดเรือในยามวิกาล หรือออกเรือในตอนรุ่งสางได้โดยไม่มีเสียงรบกวนต่อเพื่อนบ้าน รวมถึงจอดเรือพักผ่อนในอ่าวโดยไม่ต้องกังวลถึงสัตว์ป่าต่างๆ ได้เช่นกัน
จอแสดงผลแบบไฮบริด จะให้ข้อมูลการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้า, เครื่องยนต์ดีเซล หรือทั้ง 2 อย่าง รวมถึงระยะเดินทาง และแบทเตอรี
คันเร่งแบบธรรมดาในการควบคุมทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ดีเซล
การควบคุมด้วยจอยสติคทำงานได้อย่างราบรื่นในโหมดไฟฟ้า
การที่แบทเตอรีมีความจุค่อนข้างมาก หมายความว่า คุณสามารถมาที่จุดจอดเรือเพื่อค้างคืน และใช้งานระบบภายในทั้งหมดของเรือได้โดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีเสียงดัง ยิ่งไปกว่านั้น หากยินดีที่จะไม่ใช้ความเร็วสูงสุด ระบบนี้อาจช่วยให้คุณเลือกเครื่องยนต์ขนาดเล็กใส่ในเรือขนาดใหญ่ และใช้แรงขับเคลื่อนเสริมของมอเตอร์ไฟฟ้าทดแทนเมื่อต้องการทำความเร็วให้ถึงจุดหมาย และครอบคลุมระยะเดินทางได้มากขึ้น แน่นอนว่า ไม่ใช่เรือทุกลำที่เป็นเรือรูปทรงเหินน้ำ และถึงแม้เป็นรูปทรงเหินน้ำก็ใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ที่จะทำความเร็วในระดับนั้น
ระบบนี้เป็นการแก้ปัญหาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยตัวมันเองจริงหรือ ? อาจจะไม่ ท้ายที่สุดแล้ว การชาร์จแบทเตอรีด้วยเครื่องยนต์ก็เป็นการเพิ่มการเผาผลาญน้ำมันอยู่ดี เช่นเดียวกับการบรรทุกน้ำมันเพิ่มเติมไปอีกประมาณ 900 กก. แบทเตอรียังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ และมนุษย์ จากการ โคบอล นิคเคิล แมงกานีส และลิเธียม ในปริมาณมหาศาล ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่กรณีเดียวกันกับในสวีเดน ผู้ใช้ส่วนมากมีแนวโน้มที่จะใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อชาร์จพลังงานแบทเตอรีบนชายฝั่ง
อนาคตอันใกล้
เรื่องง่ายๆ ที่เราจะจินตนาการถึงการนำระบบนี้ไปรวมกันกับระบบไฟฟ้าที่ผลิตได้อย่างยั่งยืน และเชื้อเพลิงดีเซลปราศจากฟอสซิล ทางเลือกที่ราคาไม่แพงอย่าง HVO (น้ำมันพืชที่ผ่านการบำบัดด้วย HYDROTREATED) จะสร้างแพคเกจเรือยนต์ที่จับต้องได้ และเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า บางครั้งแบทเตอรีที่มีศักยภาพ น้ำหนักเบา และรีไซเคิลได้ จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม และจำเป็นต้องผลักดัน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ในการกำจัดการใช้พลังงานน้ำมันเพื่อการเผาไหม้โดยสมบูรณ์ ตอนนี้สิ่งที่ระบบนี้ได้คะแนนไปเต็มๆ คือ ความสามารถในการใช้ประโยชน์จากทั้งระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า และการเผาไหม้ภายใน คุณสามารถเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขณะใช้ความเร็วในการออกตัวโดยปราศจากเสียงรบกวน ควันพิษ และการสั่นสะเทือน เป็นอะไรที่สำคัญที่สุด จากนั้นสลับมาใช้งานเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อต้องการทำความเร็ว
ระบบนี้จะยกระดับการรักษาสิ่งแวดล้อมให้สูงขึ้นหรือไม่ ? ยังเป็นคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบแน่ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการที่จะใช้โหมดเต็มพลัง และเพลิดเพลินไปกับความเร็วแรงๆ สักเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ ระบบสามารถเปลี่ยนประสบการณ์การพักผ่อนของคุณได้อย่างแน่นอน ถือเป็นการอัพเกรดเรือยนต์มาตรฐานอย่างชัดเจน เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่ายินดีจะจ่ายเพื่อให้ได้ระบบพรีเมียมนี้ เราไม่รู้แน่ชัดว่า ระบบนี้ มีค่าตัวเท่าไร แต่รู้ว่าในอนาคต VOLVO จะผลิตระบบขับเคลื่อนไฮบริดออกสู่ตลาด หากทำได้โดยเพิ่มราคาไม่เกิน 20 % ของราคาเรือ เราก็ยินดีควักกระเป๋าจ่ายเงินเพื่อเป็นเจ้าของ
มอเตอร์ไฟฟ้าใช้เร่งความเร็วได้เช่นเดียวกันกับการล่องเรือความเร็วต่ำในแบบที่เสียงเงียบลง