มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ
มหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2023
งานแสดงรถยนต์สไตล์อเมริกัน บนแผ่นดินของคนอเมริกัน สถานที่เดิม บรรยายกาศเดิม แต่ใช้ชื่อใหม่ และงานรูปแบบใหม่
ในอดีต ORGANISATION INTERNATIONALE DES CONSTRUCTEURS D’AUTOMOBILE (OICA) ในภาษาฝรั่งเศส ซึ่งตรงกับ INTERNATIONAL ORGANIZATION OF MOTOR VEHICLE MANUFACTURERS ในภาษาอังกฤษ และน่าจะตรงกับ “องค์การระหว่างประเทศของผู้ผลิตรถยนต์” ในภาษาไทย เคยประกาศว่า งานแสดงรถยนต์ครั้งสำคัญ ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า THE IMPORTANT MOTOR SHOW มีอยู่ 5 รายการ คือ มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทของเยอรมนี มหกรรมยานยนต์ปารีสของฝรั่งเศส มหกรรมยานยนต์เจนีวาของสวิทเซอร์แลนด์ มหกรรมยานยนต์โตเกียวของญี่ปุ่น และมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ของสหรัฐอเมริกา ทั้ง 5 งานนี้ ทีมงานของ “สื่อสากล” เดินทางไปทำข่าวเป็นประจำทุกปี และต่อเนื่องกันมายาวนานไม่เคยขาด จนกระทั่งเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ COVID-19 ทั่วโลก
เฉพาะรายการหลัง ซึ่งมีชื่ออย่างเต็มยศในภาษาอังกฤษสไตล์อเมริกันว่า NORTH AMERICAN INTERNATIONAL AUTO SHOW หรือ NAIAS ทีมงานของเราเดินทางไปเยือนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2007 ซึ่งเป็นปีที่งานนี้มีอายุครบ 100 ปีพอดิบพอดี เรารายงานไว้ใน “ฟอร์มูลา” ฉบับเดือนมีนาคม 2007 ว่า มีรถยนต์อยู่ในงานครั้งนั้นเกือบ 50 ยี่ห้อ หลังจากนั้นทีมงานของเราก็เดินทางไปเยือนดีทรอยท์เป็นประจำทุกปี ได้ผจญอากาศอันหนาวเหน็บ ได้สัมผัสหิมะขาวโพลน และเย็นเยือก จนกระทั่งครั้งสุดท้าย คือ งานในเดือนมกราคม 2019 ก็มีการประกาศยืนยันว่า งานครั้งต่อไปจะหนีหนาว ไปจัดในเดือนมิถุนายนที่อากาศอุ่นกว่า อย่างไรก็ตาม งานที่ว่านี้ไม่เกิดขึ้น เพราะปัญหา COVID-19 ดังที่กล่าวข้างต้น
งานแสดงรถยนต์สไตล์อเมริกัน บนแผ่นดินของคนอเมริกัน สถานที่เดิม บรรยายกาศเดิม แต่ใช้ชื่อใหม่ และงานรูปแบบใหม่
ปีนี้ปัญหาเบาบางมากแล้ว เราจึงเดินทางไปเยือนดีทรอยท์อีกครั้งหนึ่ง เขากำหนดจัดงานระหว่างวันอังคารที่ 13-วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2023 คือ ยาวนานถึง 12 วัน สถานที่จัดงานยังใช้ที่เดิม เป็นศูนย์ประชุมและศูนย์นิทรรศการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งฝั่งหนึ่งเป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกา อีกฝั่งหนึ่งเป็นแคนาดา สถานที่จัดงานนี้ เดิมมีชื่อว่า COBO CENTER หรือ COBO HALL แต่มีการเปลี่ยนผู้ดำเนินงาน จึงเปลี่ยนชื่อเป็น HUNTINGTON PLACE มีพื้นที่กว้างขวางถึง 220,000 ตรม. แต่เป็นพื้นที่จัดงานเพียง 67,200 ตรม.
เช่นเดียวกับงานมหกรรมยานยนต์รายการอื่นๆ ในยุโรป จำนวนรถ และยี่ห้อรถที่ปรากฏตัวในงานลดลงมาก คือ มีบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่ในงานนี้เพียง 4 ราย และเกือบทั้งหมดล้วนเป็นบริษัทรถยนต์อเมริกัน คือ ประกอบด้วย ค่าย GM หรือ GENERAL MOTORS COMPANY ซึ่งมีรถอยู่ในเครือข่าย 4 ยี่ห้อ คือ BUICK (บิวอิค) CADILLAC (แคดิลแลค) CHEVROLET (เชฟโรเลต์) และ GMC (จีเอมซี) ค่าย FORD MOTOR COMPANY ซึ่งมีรถอยู่ในสังกัดเพียง 2 ยี่ห้อ คือ FORD (ฟอร์ด) กับ LINCOLN (ลินคอล์น) ค่าย STELLANTIS BV ซึ่งมีรถจำหน่ายในเมืองมะกันรวม 6 ยี่ห้อ คือ ALFA ROMEO (อัลฟา โรเมโอ) CHRYSLER (ไครสเลอร์) DODGE (ดอดจ์) FIAT (เฟียต) JEEP (จีพ) และ RAM (แรม) รถยี่ห้ออื่นๆ ยังมีอีกมาก แต่ทั้งหมดล้วนเป็นบูธขนาดกะจิริดกะจ้อยร่อย และคาดว่าเป็นบูธของดีเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่าย ไม่ใช่ของบริษัทผู้ผลิต
14 หน้าถัดไปจะรายงานว่า มีอะไรน่าสนใจบ้าง ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ยุคใหม่นี้
CADILLAC ESCALADE IQ
เป็นจุดดึงดูดความสนใจในบูธของเมืองผู้ผลิตรถหรูเมืองมะกัน และเป็นรถ CADILLAC ESCALADE IQ (แคดิลแลค เอสกาเลด ไอคิว) รุ่นแรก ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษของรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดโตเต็มพิกัดอนุกรมนี้ ที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ เพราะเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2023 และต้องรอจนถึงปลายปี 2024 จึงจะเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2025 มีขนาดตัวถัง 5.697x2.167 (รวมกระจกมองข้างขณะพับ)x1.934 ม. ติดตั้งระบบขับทุกล้อ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 505 กิโลวัตต์/680 แรงม้า เมื่อขับใน NORMAL MODE และเพิ่มเป็น 560 กิโลวัตต์/750 แรงม้า เมื่อขับด้วย VELOCITY MAX MODE ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งคาดหมายว่า ชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งจะเดินทางได้ไกลถึง 720 กม. เป็นรถบังคับเลี้ยวทุกล้อ ที่ล้อหลังเลี้ยวได้เป็นมุม 10 องศา
ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากเช่นกัน คือ รถติดป้ายชื่อ CADILLAC LYRIQ 600 E4 (แคดิลแลค ไลริค 600 อี 4) ซึ่งเพิ่งออกจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2024 เป็นโมเดลหัวกะทิของรถ CADILLAC LYRIQ ซึ่งเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดใหญ่ ที่เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2022 และเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 1 ศตวรรษของยอดผู้ผลิตรถหรูเมือง 50 รัฐ รถหัวกะทิโมเดลนี้ เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อซึ่งมีขนาดตัวถัง 4.996x2.207 (รวมกระจกมองข้าง)x 1.623 ม. ติดตั้งระบบขับซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวมสูงสุด 375 กิโลวัตต์/500 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุ 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จเต็มรถจะวิ่งได้ไกล 494 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน EPA (ENVIRONMENTAL PROTECTION AGENCY) และการชาร์จไฟฟ้าแบบ FAST CHARGE หรือเร่งด่วน ด้วยไฟฟ้ากระแสตรงนาน 10 นาที รถจะวิ่งได้ไกล 124 กม.
BUICK ENVISTA
ได้ยินชื่อมานาน แต่ทีมงานของเราเพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ คือ COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ BUICK ENVISTA (บิวอิค เอนวิสตา) เป็นรถผลิตที่เมือง SHENYANG ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และที่เมือง CHANG WON ในเกาหลีใต้ ซึ่งค่าย BUICK นำไปเปิดตัวในเมืองมะกันเมื่อเดือนเมษายน 2023 และเพิ่งนำออกสู่โชว์รูมในฐานะรถรุ่นปี 2024 แทนที่รถ BUICK ENCORE (บิวอิค อังกอร์) เป็นรถวางเครื่องหน้า/ขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งมีขนาดตัวถัง 4.638x1.816x1.557 ม. ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 3 สูบเรียง 12 วาล์ว 1.2 ลิตร 102 กิโลวัตต์/137 แรงม้า ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ มีการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส ENVISTA PREFERRED-ENVISTA SPORT TOURING-ENVISTA AVENIR ค่าตัวเริ่มต้นที่ 23,495 เหรียญ
CHEVROLET TRAX
CHEVROLET TRAX (เชฟโรเลต์ ทแรกซ์) เป็นชื่อของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ผลิตในเมืองโสมขาวโดย GM KOREA และในสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยค่าย SAIC-GM ที่ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่เริ่มนำเข้าไปจำหน่ายในเมืองมะกันเมื่อปี 2015 ส่วนรถที่เรามีโอกาสสัมผัสที่งานนี้ เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) เปิดตัวในเมืองมังกรเมื่อเดือนกรกฎาคม 2022 โดยติดป้ายชื่อ CHEVROLET SEEKER (เชฟโรเลต์ ซีเคอร์) แต่เพิ่งเริ่มจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในฐานะรถรุ่นปี 2024 มีขนาดตัวถัง 4.537x1.823x1.560 ม. ติดตั้งระบบขับล้อหน้าซึ่งใช้เครื่องยนต์ ECOTEC เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 3 สูบเรียง 12 วาล์ว 1.2 ลิตร 102 กิโลวัตต์/137 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ (TRIM) ให้เลือก 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส TRAX LS-TRAX 1RS-TRAX LT-TRAX 2RS-TRAX ACTIV ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 20,400 เหรียญ หรือประมาณ 735,000 บาท
CHEVROLET EQUINOX EV
หนึ่งในบรรดารถพลังไฟฟ้าล้วนๆ หลาย 10 คันที่ปรากฏตัวในงานนี้ เป็นรถ CHEVROLET EQUINOX EV (เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ อีวี) รุ่นแรก ในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดอนุกรมนี้ ที่เป็นรถขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์แบบใดๆ เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2022 แต่ต้องรอจนถึงปลายปี 2023 จึงจะเริ่มการจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2024 พร้อมกับป้ายราคาค่าตัวซึ่งเริ่มต้นที่ระดับ 34,995 เหรียญ หรือประมาณ 1.26 ล้านบาทไทย จะมีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าชุดเดียวขนาด 159 กิโลวัตต์/213 แรงม้า ซึ่งจะวิ่งได้ไกล 400 และ 480 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และรถขับเคลื่อนทุกล้อติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ให้กำลังรวม 215 กิโลวัตต์/288 แรงม้า ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ไกล 450 กม. ส่วนสถานที่ผลิต คือ โรงงานในเมือง RAMOS ARIZPE (ราโมส อริซเป) ของเมกซิโก
CHEVROLET BLAZER EV
เป็นอีกหนึ่งในบรรดารถพลังไฟฟ้าล้วนๆ หลาย 10 คันที่สัมผัสได้ในงานนี้ และเป็นรถรุ่นแรกในช่วงเวลาที่ยาวนานหลายทศวรรษของรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางอนุกรม CHEVROLET BLAZER EV (เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ อีวี) ที่เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ เปิดตัวในเมืองมะกันเมื่อปี 2022 และมีกำหนดเริ่มจำหน่ายก่อนสิ้นปี 2023 ในฐานะรถรุ่นปี 2024 จะมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า รถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ มีการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ 4 ระดับ กำกับด้วยรหัส BLAZER EV 1LT-BLAZER EV 2LT-BLAZER EV RS-BLAZER EV SS และจะมีระดับกำลังให้เลือกหลายระดับ โมเดลที่ทรงพลังที่สุดจะติดตั้งระบบขับกำลังสูงถึง 415 กิโลวัตต์/557 แรงม้า ใช้เวลาไม่ถึง 4 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. และจะวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม จะใช้โรงงานในเมือง RAMOS ARIZPE (ราโมส อริซเป) ของเมกซิโก เป็นที่ผลิตเช่นกัน
CHEVROLET SILVERADO EV
นี่ก็เป็นรถอีกแบบที่ทีมงานของเราได้ยินชื่อมานาน แต่เพิ่งมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถพิคอัพติดป้ายชื่อ CHEVROLET SILVERADO EV (เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด อีวี) รุ่นแรกที่ติดตั้งระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ และไม่มีอะไรเลยเกี่ยวข้องกับรถพิคอัพชื่อเดียวกันที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน เปิดตัวเมื่อต้นปี 2022 และมีกำหนดเริ่มจำหน่ายก่อนสิ้นปี 2023 ในฐานะรถรุ่นปี 2024 แต่ขณะที่เราเดินทางไปเยือนดีทรอยท์ รถยังไม่เริ่มการจำหน่าย เป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ มีขนาดตัวถัง 5.920x2.072-2.129x1.982-1.999 ม. เมื่อเริ่มการจำหน่ายจะมีรถเพียง 2 โมเดล คือ SILVERADO EV RST FIRST EDITION กับ SILVERADO EV WT โมเดลแรกซึ่งตั้งค่าตัวไว้สูงถึง 105,000 เหรียญ หรือประมาณ 3.8 ล้านบาทไทย จะติดตั้งระบบขับ 563 กิโลวัตต์/754 แรงม้า และวิ่งได้ไกลถึง 400 ไมล์ หรือประมาณ 640 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม
GMC SIERRA EV
GMC ผู้ผลิตรถยนต์ในสังกัดของยักษ์ใหญ่ GM หรือ GENERAL MOTORS COMPANY ก็มีรถพิคอัพพลังไฟฟ้าล้วนๆ คือ GMC SIERRA EV (จีเอมซี สิเอร์รา อีวี) ซึ่งทีมงานของเราเพิ่งได้สัมผัสตัวจริงเสียงไม่จริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน เป็นคู่แฝดต่างฝากับรถพลังไฟฟ้า CHEVROLET SILVERADO EV (เชฟโรเลต์ ซิลเวอราโด อีวี) ที่เพิ่งผ่านตาไป แต่ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ครบครันกว่า และค่าตัวแพงกว่า มีกำหนดเริ่มจำหน่ายในฤดูร้อนปี 2024 และในระยะแรกจะมีรถโมเดลเดียว คือ GMC SIERRA EV DENALI EDITION 1 (จีเอมซี สิเอร์รา อีวี เดนาลี เอดิชัน 1) ติดตั้งระบบขับซึ่งให้กำลังสูงถึง 563 กิโลวัตต์/754 แรงม้า เมื่อวิ่งอยู่ใน MAX POWER MODE มีระยะเดินทาง 400 ไมล์ หรือประมาณ 640 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนด้วยไฟฟ้ากระแสตรง ณ สถานีชาร์จไฟเพื่อให้รถวิ่งได้ไกล 100 ไมล์ หรือประมาณ 160 กม. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
FORD MUSTANG GTD
ในงานนี้มีรถคูเปพลังสูงติดป้ายชื่อ FORD MUSTANG (ฟอร์ด มัสแตง) จอดอยู่หลายคัน FORD MUSTANG GTD (ฟอร์ด มัสแตง จีทีดี) ที่กำลังอวดตัวอยู่นี้ เป็นผลงานรังสรรค์ของทีมงานพิเศษ ซึ่งค่าย “วงรีสีฟ้า” ตั้งชื่อว่า MUSTANG GTD TEAM เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 และต้องรออีกประมาณ 1 ปี จึงจะเริ่มการผลิต ที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมือง FLAT ROCK รัฐ MICHIGAN เป็นรถรุ่นปี 2025 ที่จะจำกัดจำนวนผลิตระหว่าง 1,000-2,000 คัน และคาดว่าจะตั้งราคาค่าตัวไว้สูงมาก คือ ระดับ 300,000 เหรียญ หรือประมาณ 11 ล้านบาทไทย พัฒนาจากรถแข่ง FORD MUSTANG GT3 (ฟอร์ด มัสแตง จีที 3) เพื่อให้เป็นรถที่วิ่งได้ตามท้องถนนโดยถูกกฎหมาย ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ความจุ 5.2 ลิตร ติดซูเพอร์ชาร์เจอร์ ซึ่งให้กำลังสูงกว่า 597 กิโลวัตต์/800 แรงม้า และส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
FORD MUSTANG DARK HORSE PREMIUM
รถม้าป่าอีกคันที่ปรากฏตัวในบูธของค่าย “วงรีสีฟ้า” คือ FORD MUSTANG DARK HORSE PREMIUM (ฟอร์ด มัสแตง ดาร์ค ฮอร์ส พรีเมียม) ซึ่งเป็นโมเดลหัวกะทิของรถ FORD MUSTANG รุ่นปัจจุบัน ที่เปิดตัวเมื่อกลางปี 2022 และเพิ่งเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2024 ที่แตกต่างจากรถอนุกรมเดียวกันโมเดลอื่นๆ (MUSTANG ECOBOOST-MUSTANG ECOBOOST PREMIUM-MUSTANG GT PREMIUM) ก็คือ รถหัวกะทิโมเดลนี้ไม่มีตัวถังเปิดประทุน มีแต่ตัวถังคูเปซึ่งติดป้ายค่าตัว 63,265 เหรียญ หรือประมาณ 2.28 ล้านบาทไทย รถคูเป 4 ที่นั่งโมเดลนี้ มีขนาดตัวถัง 4.818x1.918x1.402 ม. มีช่วงฐานล้อ 2.718 ม. และมีน้ำหนักรถพร้อมขับ 1,811 กก. ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินหายใจอากาศธรรมดา DOHC วี 8 สูบ 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 373 กิโลวัตต์/500 แรงม้า และถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ TREMEC หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SELECTSHIFT
FORD F-150 LIGHTNING FLASH
ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วแต่เพิ่งได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ FORD F-150 LIGHTNING FLASH (ฟอร์ด เอฟ-150 ไลท์นิง ฟแลช) รถพิคอัพพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่าย “วงรีสีฟ้า” ที่กำลังอวดโฉมอยู่นี้เป็นรถโมเดลใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัว และต้องรอจนถึงต้นปี 2024 จึงจะเริ่มเปิดรับการสั่งจอง ค่าตัวที่ตั้งไว้ คือ 69,995 เหรียญ หรือประมาณ 2.52 ล้านบาทไทย มีขนาดตัวถัง 5.910x2.032x1.989 ม. และมีห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง ติดตั้งระบบขับทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด โดยชุดหนึ่งขับล้อคู่หน้า อีกชุดขับล้อคู่หลัง ได้กำลังรวมสูงสุด 433 กิโลวัตต์/580 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรี LITHIUM-ION ขนาดความจุใช้งาน 131 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน EPA รถจะวิ่งได้ไกล 320 ไมล์ หรือประมาณ 515 กม. และการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนด้วยไฟฟ้ากระแสตรงนาน 10 นาที รถจะวิ่งได้ไกล 87 กม.
FORD BRONCO RAPTOR
FORD BRONCO RAPTOR (ฟอร์ด บรองโก แรพเตอร์) โมเดลหัวกะทิของของรถกิจกรรมกลางแจ้งพันธุ์แท้ FORD BRONCO รุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีให้เลือกใช้ทั้งตัวถัง 2 ประตู 4 ที่นั่ง และ 4 ประตู 5 ที่นั่ง เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 และมีกำหนดออกโชว์รูมทั้งในฐานะรถรุ่นปี 2024 และรถกิจกรรมกลางแจ้งค่าตัวแพงที่สุดของค่าย “วงรีสีฟ้าขาว” ราคาค่าตัวที่กำหนดไว้เริ่มต้นที่ 89,835 เหรียญ หรือประมาณ 3.23 ล้านบาทไทย เป็นรถโมเดลพิเศษที่ออกแบบ/พัฒนาโดยเน้นความแรง และความเร็ว ตัวถังทั้ง 2 ประตู และ 4 ประตู ที่ดูดุดัน และทรงพลัง ติดตั้งเครื่องยนต์ ECO BOOST เทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 312 กิโลวัตต์/418 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า/คู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ (RAPTOR ซึ่งเริ่มใช้เมื่อปี 2010 เป็นชื่อรอง ที่ค่าย “วงรีสีฟ้า” สงวนไว้สำหรับรถพิคอัพ รถกิจกรรมกลางแจ้ง และรถบรรทุกสมรรถนะสูงเท่านั้น)
LINCOLN NAUTILUS
จุดดึงดูดความสนใจเพียงจุดเดียวในบูธของ LINCOLN (ลินคอล์น) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของยักษ์รอง FORD MOTOR COMPANY คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดกลางติดป้ายชื่อ LINCOLN NAUTILUS (ลินคอล์น นอทิลุส) ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) และเป็นรถอเมริกันพันธุ์แท้ซึ่งผลิตที่เมือง HANGZHOU ในมณฑล ZHEJIANG ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2023 และกำลังเริ่มการจำหน่ายในฐานะรถรุ่นปี 2024 ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 50,415 เหรียญ หรือประมาณ 1.82 ล้านบาทไทย มีให้เลือกใช้ทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ และรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ E-CVT)
RAM 1500 REV
เพิ่งเปิดตัว แต่ต้องรอจนถึงปีโมเดล 2025 จึงจะเริ่มการจำหน่าย คือ RAM 1500 REV (แรม 1500 อาร์อีวี) รถพิคอัพพลังไฟฟ้าล้วนๆ แบบแรกของค่าย STELLLANTIS BV กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ “หน้าเก่าในชื่อใหม่” ที่เพิ่งก่อกำเนิดเมื่อต้นปี 2021 พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถพิคอัพ RAM 1500 ที่จำ หน่ายมานมนาน โดยเปลี่ยนระบบขับ จากขับด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ซึ่งโมเดลที่ทรงพลังที่สุดให้กำลังสูงสุดระดับ 488 กิโลวัตต์/654 แรงม้า ติดตั้งแบทเตอรีมาตรฐานขนาดความจุ 168 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม รถซึ่งสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาทีนี้ จะวิ่งได้ไกลถึง 350 ไมล์ หรือประมาณ 560 กม. หากยังไม่พอใจเรื่องระยะทาง ก็ยังมีออพชันซึ่งเป็นแบทเตอรีขนาดใหญ่มีความจุ 229 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้เลือกใช้อีกต่างหาก แบทเตอรีแบบพิเศษนี้จะทำให้ระยะเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 500 ไมล์ หรือประมาณ 800 กม. นั่นเทียว
WAGONEER
เพิ่งมีโอกาสได้ยลโฉมรถตัวจริงเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ WAGONEER (แวกอเนียร์) รถแบบใหม่ในชื่อเก่าซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2023 เป็น FULL-SIZE CROSSOVER SUV ในตัวถังขนาด 5.453x2.124x1.964-2.025 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.352 ม. เป็นรถซึ่งผลิตโดยค่าย JEEP (จีพ) แต่ใช้ชื่อ WAGONEER เป็นยี่ห้อ และมีป้ายติดไว้ว่า WAGONEER BY JEEP เป็นรถเบนซินซึ่งมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเบนซิน OHV วี 8 สูบ 16 วาล์ว 5,654 ซีซี 293 กิโลวัตต์/392 แรงม้า พร้อมระบบ 48V MILD HYRID กับเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,993 ซีซี 313 กิโลวัตต์/420 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งกำลังสู่ล้อคู่หลัง หรือทั้งคู่หน้า และคู่หลังแล้วแต่กรณี มีแบบเดียวเลือกไม่ได้ คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 61,595 เหรียญ หรือประมาณ 2.22 ล้านบาทไทย
GRAND WAGONEER
ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่งานนี้เช่นกัน คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดโตเต็มพิกัดติดป้ายชื่อ GRAND WAGONEER (กแรนด์ แวกอเนียร์) รถหรูซึ่งค่าตัวที่ซื้อขายในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 91,140 เหรียญ หรือประมาณ 3.28 ล้านบาทไทย พัฒนาต่อกิ่งต่อยอดจากรถ WAGONEER โดยติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดโตกว่า และแรงกว่า พร้อมเพิ่มเติมความหรูหรา ฟู่ฟ่า และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายรายการ เครื่องยนต์ที่ว่านี้เป็นเครื่องเบนซิน OHV วี 8 สูบ 16 วาล์ว 6,417 ซีซี 351 กิโลวัตต์/471 แรงม้า หรือเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 6 สูบเรียง 2,993 ซีซี ที่ให้กำลังสูงถึง 381 กิโลวัตต์/510 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์เหมือนเดิม คือ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เป็นรถที่ยากจะบอกว่าคันไหนเป็นคันไหน เพราะตัวถังมีขนาดเท่ากัน คือ 5.453x2.124x1.964-2.025 ม. หน้าตาก็ดูเหมือนๆ กัน ต้องสังเกตจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และป้ายชื่อรถที่ติดอยู่ตรงสีข้างของตัวถังทั้ง 2 ด้าน
DODGE HORNET
ผลงานใหม่เพียงชิ้นเดียวในบูธของ DODGE (ดอดจ์) ซึ่งก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายในสังกัดของกลุ่มบริษัทรถยนต์ STELLANTIS NV ที่สมควรนำเรื่องราวมาบรรจุไว้ในรายงานนี้ คือ รถกิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็กกะทัดรัดติดป้ายชื่อ DODGE HORNET (ดอดจ์ ฮอร์เนท) ที่กำลังอวดรูปทรงองค์เอวอยู่นี้ เป็นรถอนุกรมใหม่ในชื่อใหม่ และเป็นคู่แฝดต่างฝากับรถ ALFA ROMEO TONALE (อัลฟา โรเมโอ โตนาเล) ซึ่งเริ่มจำหน่ายในอิตาลีเมื่อต้นปี 2022 เพิ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2023 และมีรถให้เลือกเพียง 2 โมเดล คือ DODGE HORNET GT กับ DODGE HORNET R/T PHEV โมเดลแรกติดตั้งเครื่องยนต์เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 4 สูบเรียง 1,995 ซีซี 268 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ส่วนโมเดลหลังติดตั้งระบบ PLUG-IN HYBRID หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 215 กิโลวัตต์/288 แรงม้า
TOYOTA PRIUS PRIME
เป็นรถ TOYOTA PRIUS PLUG-IN HYBRID (โตโยตา ปรีอุส พลัก-อิน ไฮบริด) รุ่นใหม่ (รุ่นที่ 2) ที่เริ่มจำหน่ายในเมืองปลาดิบเมื่อเดือนมีนาคม 2023 และเปลี่ยนป้ายชื่อเป็น TOYOTA PRIUS PRIME (โตโยตา ปรีอุส พไรม์) เมื่อเริ่มจำหน่ายในเมืองมะกันในฐานะรถรุ่นปี 2024 ชื่อต่างกันแต่ระบบขับเหมือนกัน คือ เป็นระบบไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 1,986 ซีซี 151 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรี LITHIUM-ION ได้กำลังรวมสูงสุด 164 กิโลวัตต์/220 แรงม้า มีโหมดการขับให้เลือกใช้ 3 แบบ คือ NORMAL-ECO-SPORT และสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที มีการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ (TRIM) รวม 3 แบบ กำกับด้วยรหัส PRIUS PRIME SE-PRIUS PRIME XSE-PRIUS PRIME XSE PREMIUM ราคาค่าตัวในเมืองมะกัน เริ่มต้นที่ 32,675 เหรียญ หรือประมาณ 1.18 ล้านบาทไทย
TOYOTA TACOMA
ปิดรายงานมหกรรมดีทรอยท์ยุคใหม่ ด้วยรถพิคอัพ TOYOTA TACOMA (โตโยตา ตาโกมา) ซึ่งอยู่ในตลาดมายาวนานตั้งแต่ปี 1995 และเป็นรถสายพันธุ์ญี่ปุ่นซึ่งไม่มีขายในญี่ปุ่น รถที่พบในงานนี้เป็นรถรุ่นใหม่ (รุ่นที่ 4) เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 และกำลังจะออกโชว์รูมในฐานะรถรุ่นปี 2024 เป็นรถซึ่งออกแบบ/พัฒนาในสหรัฐอเมริกา แต่จะใช้โรงงานในเมกซิโกเป็นที่ผลิต จะมีตัวถังให้เลือก 2 แบบ คือ ตัวถัง 2 ประตู 2 ที่นั่ง XTRA CAB กับตัวถัง 4 ประตู 5 ที่นั่ง CREW CAB ขุมพลังขับเคลื่อนก็มีให้เลือก 2 แบบ คือ ขับด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซิน 4 สูบเรียง 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 170 กิโลวัตต์/228 แรงม้า หรือ 207 กิโลวัตต์/277 แรงม้า และขับด้วยระบบไฮบริดชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซินทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวมสูงสุด 243 กิโลวัตต์/326 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์ มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ