AUDI A5 SEDAN E-HYBRID/A5 AVANT E-HYBRID เทคโนโลยีใหม่ค่ายสี่ห่วง ไฮบริดแบบเสียบปลั๊กผสมไฮบริดแบบอ่อน

เผลอไปนิดเดียว ปีใหม่ปีงูเล็กผ่านพ้นไปแล้วเกือบครึ่งปี เดือนนี้ “ระเบียงรถใหม่” นำเรื่องราวของรถเก๋งสารพัดชนิดมาเล่าสู่กันฟัง มีทั้งรถเก๋งซีดาน รถเก๋งคูเป รถเก๋งแฮทช์แบค รถเก๋งตรวจการณ์ และรถเก๋งเปิดประทุน มีทั้งรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน รถติดตั้งระบบ MILD HYBRID (ไมล์ด์ ไฮบริด) หรือไฮบริดแบบอ่อน และรถติดตั้งระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ เป็นรถ 2 สัญชาติ คือ รถเยอรมัน กับรถอังกฤษ และเป็นผลงานของผู้ผลิต 3 ราย คือ AUDI (เอาดี) BMW (บีเอมดับเบิลยู) และ MINI (มีนี) 

เปิดระเบียงด้วยผลงานใหม่ของค่าย “สี่ห่วง” ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2025 และเริ่มการจำหน่ายในยุโรปไปแล้วไม่กี่วันหลังจากนั้น คือรถเก๋งซีดานติดป้ายชื่อ AUDI A5 SEDAN E-HYBRID (เอาดี เอ 5 ซีดาน อี-ไฮบริด) ในภาษาอังกฤษ และติดป้ายชื่อ AUDI A5 LIMOUSINE E-HYBRID (เอาดี อา 5 ลีมูซีน เอ-ไฮบริด) ในภาษาเยอรมัน กับรถเก๋งตรวจการณ์ติดป้ายชื่อ AUDI A5 AVANT E-HYBRID เหมือนกันทั้งในภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน แต่ออกเสียง (เอาดี เอ 5 อาวันท์ อี-ไฮบริด) เมื่อเป็นภาษาอังกฤษ และอ่านออกเสียง (เอาดี อา 5 อาวันท์ เอ-ไฮบริด) เมื่อเป็นภาษาเยอรมัน

ชื่อ AUDI A4 (เอาดี เอ 4) และ AUDI A5 อาจสร้างความสับสนแก่ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกลวิธีตั้งชื่อรุ่น หรือชื่ออนุกรมรถของค่าย “สี่ห่วง” ดังนั้นก่อนเข้าเรื่องจึงขออธิบายความเหมือน และความแตกต่างของชื่ออนุกรม AUDI A4 กับ AUDI A5 เพื่อลดความสับสนที่ว่า

ก่อนเดือนกรกฎาคม 2024 AUDI A4 และ AUDI 5 เป็นชื่อของ COMPACT LUXURY CAR (คอมแพคท์ ลักชัวรี คาร์) หรือรถเก๋งระดับหรูขนาดเล็กกะทัดรัด ที่ค่าย “สี่ห่วง” ผลิตจำหน่ายทั่วโลก ที่ต่างกันก็คือ ชื่อ AUDI A4 ใช้กับรถเก๋งซีดาน และรถเก๋งตรวจการณ์ แต่ชื่อ AUDI A5 ใช้กับรถเก๋งคูเป และรถเก๋งเปิดประทุน หรือกล่าวโดยสรุป AUDI A4 กับ AUDI A5 คือ รถขนาดเดียวกัน แต่รูปลักษณ์ตัวถังต่างกันนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ค่ายนี้ได้เปลี่ยนกลวิธีตั้งชื่อรุ่น หรือชื่ออนุกรมของรถเสียใหม่ โดยตั้งใจจะใช้อนุกรมเลขคี่กับรถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และใช้อนุกรมเลขคู่กับรถพลังไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่จะนำทั้งรถเก๋งคูเป และรถเก๋งตรวจการณ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด แทนที่รถ AUDI A4 รุ่นเดิมซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 5 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 รถรุ่นใหม่นี้จึงติดป้ายชื่อ AUDI A5 SEDAN กับ AUDI A5 AVANT ซึ่งถ้าไม่มีการเปลี่ยนชื่อดังที่ว่า รถรุ่นใหม่นี้ก็คือ AUDI A4 รุ่นที่ 6 นั่นเอง 

เมื่อเริ่มการจำหน่ายตอนกลางปี 2024 ดังที่กล่าวแล้ว รถเก๋งซีดาน AUDI A5 SEDAN มีให้เลือกรวม 6 โมเดล คือ (1) AUDI A5 SEDAN TFSI 110 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ขับล้อหน้า (2) AUDI A5 SEDAN TFSI 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับล้อหน้า (3) AUDI A5 SEDAN TFSI QUATTRO 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับทุกล้อ (4) AUDI A5 SEDAN TDI 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,968 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับล้อหน้า (5) AUDI A5 SEDAN TDI QUATTRO 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,968 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับทุกล้อ (6) AUDI S5 SEDAN TFSI เครื่องยนต์เทอร์โบเบซินฉีดตรง วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับทุกล้อ รถทุกโมเดลนี้ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 เริ่มต้นที่ 45,200 ยูโร หรือประมาณ 1.67 ล้านบาทไทย

รถเก๋งตรวจการณ์ AUDI A5 AVANT ก็มีให้เลือก 6 โมเดล คือ (1) AUDI A5 AVANT TFSI 110 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 110 กิโลวัตต์/150 แรงม้า ขับล้อหน้า (2) AUDI A5 AVANT TFSI 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับล้อหน้า (3) AUDI A5 AVANT TFSI QUATTRO 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า ขับทุกล้อ (4) AUDI A5 AVANT TDI 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,968 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับล้อหน้า (5) AUDI A5 AVANT TDI QUATTRO 150 KW เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,968 ซีซี 150 กิโลวัตต์/204 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับทุกล้อ (6) AUDI S5 AVANT TFSI เครื่องยนต์เทอร์โบเบซินฉีดตรง วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า+ระบบ MILD HYBRID ขับทุกล้อ รถทุกโมเดลนี้ ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 แพงกว่ารถซีดานนิดหน่อย คือ เริ่มต้นที่ 46,850 ยูโร หรือประมาณ 1.73 ล้านบาทไทย

ส่วน AUDI A5 SEDAN E-HYBRID และ AUDI A5 AVANT E-HYBRID ที่เลือกมาเปิด “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ เป็นรถโมเดลใหม่ และเป็นครั้งแรกที่ค่าย “สี่ห่วง” นำระบบ PLUG-IN HYBRID (พลัก-อิน ไฮบริด) หรือไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟมาใช้กับรถอนุกรมนี้ เป็นระบบที่เพิ่งออกแบบ/พัฒนาขึ้นใหม่ มีระบบบริหารจัดการที่มุ่งเน้นทั้งประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และความสะดวกสบายระดับสุดยอดของผู้ขับ ผู้โดยสาร หัวใจของระบบไฮบริดที่ว่านี้ คือ HIGH-VOLTAGE LITHIUM-ION BATTERY (ไฮ-โวลเทจ ลิเธียม-ไอออน แบทเตอรี) หรือแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน แรงดันสูง ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีขนาดความจุ 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และขนาดความจุใช้งาน 20.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง

ระบบ PLUG-IN HYBRID ที่กล่าวข้างต้น ทำงานร่วมกันกับระบบ MILD HYBRID 48V หรือไฮบริดแบบอ่อน 48 โวลท์ มีโหมดการขับ 2 แบบ คือ EV MODE (อีวี โหมด) กับ HYBRID MODE (ไฮบริด โหมด) โดยที่โหมดแรกเป็นการทำงานเหมือนรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ส่วนโหมดหลังเป็นการทำงานของรถไฮบริดสมบูรณ์แบบ

รถเก๋งซีดาน AUDI A5 SEDAN E-HYBRID ซึ่งมีขนาดตัวถัง ยาว 4.829 ม. กว้าง 1.860 ม. สูง 1.444 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.27 มีรถให้เลือก 2 โมเดล คือ (1) AUDI A5 SEDAN E-HYBRID QUATTRO 220 KW เป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 185/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ได้กำลังรวมสูงสุด 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 97-110 กม. (2) AUDI A5 SEDAN E-HYBRID 270 KW เป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 185/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ได้กำลังรวมสูงสุด 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. เช่นกัน กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 97-107 กม.

ส่วนรถเก๋งตรวจการณ์ AUDI A5 AVANT E-HYBRID ซึ่งมีขนาดตัวถัง ยาว 4.829 ม. กว้าง 1.860 ม. สูง 1.460 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำสุด 0.29 ก็มีรถ 2 โมเดลเช่นกัน คือ (1) AUDI A5 AVANT E-HYBRID QUATTRO 220 KW เป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 185/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ได้กำลังรวมสูงสุด 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 95-108 กม. (2) AUDI A5 AVANT E-HYBRID QUATTRO 270 KW เป็นรถขับทุกล้อ ติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 4 สูบเรียง 1,984 ซีซี 185/252 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ S TRONIC ได้กำลังรวมสูงสุด 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.1 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. กรณีชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP จะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกล 94-104 กม.

ราคาค่าตัวรวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 ของเยอรมนี รถซีดานเริ่มต้นที่ 62,500 ยูโร หรือประมาณ 2.38 ล้านบาทไทย ส่วนรถตรวจการณ์เริ่มต้นที่ 64,150 ยูโร หรือประมาณ 2.44 ล้านบาทไทย

AUDI A5 SEDAN E-HYBRID

• รถเก๋งซีดานระดับหรูขนาดกะทัดรัด ขับทุกล้อด้วยเทคโนโลยีไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก
• มิติตัวถัง 4.829x1.860x1.444 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ต่ำสุด 0.27
• เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 1,984 ซีซี 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า+มอเตอร์ไฟฟ้า
• กำลังรวมสูงสุด 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า หรือ 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า
• ราคารวมภาษีในเยอรมนี เริ่มต้นที่ 62,500 ยูโร (ประมาณ 2.38 ล้านบาทไทย)

AUDI A5 AVANT E-HYBRID

• รถเก๋งตรวจการณ์ระดับหรูขนาดกะทัดรัด ขับทุกล้อด้วยเทคโนโลยีไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก
• มิติตัวถัง 4.829x1.860x1.460 ม. สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ต่ำสุด 0.29
• เครื่องยนต์เทอร์โบเบนซินฉีดตรง 1,984 ซีซี 185 กิโลวัตต์/252 แรงม้า+มอเตอร์ไฟฟ้า
• กำลังรวมสูงสุด 220 กิโลวัตต์/299 แรงม้า หรือ 270 กิโลวัตต์/367 แรงม้า
• ราคารวมภาษีในเยอรมนี เริ่มต้นที่ 64,150 ยูโร (ประมาณ 2.44 ล้านบาทไทย)