รอบรู้เรื่องรถ
อย่าถูก
ช่วงเดือนสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ผมแวะไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง บริเวณสี่แยกราชประสงค์ มีความคึกคักมากพอสมควร ด้วยผู้คนจำนวนมาก ที่ผ่านวิกฤติน้ำท่วมกันมาอย่างหนักหนาสาหัส ไม่ว่าจะทางกายและใจ หรือแค่ทางจิตใจอย่างเดียวก็ตาม จากผลงานการบริหารประเทศด้วยระบบควบคุมทางไกล แบบใครจะฉิบหายช่างมัน ขอให้ตนเอง เครือญาติ และพรรคพวกได้ประโยชน์เป็นใช้ได้ ผมเคยเป็นทั้งพนักงานบริษัท และผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว จึงเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ดี และมีความรู้สึกร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจทั้งหลาย ไม่ว่าจะด้านดีหรือร้ายก็ตาม เมื่อเดินเข้าไปถึงกลางศูนย์ ฯ บรรยากาศยิ่งดีขึ้นไปอีก เพราะมีบริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ตราโปรดของผมที่เคยเล่ามาแล้วเมื่อเดือนก่อน มาเช่าพื้นที่เพื่อแสดง และจำหน่ายรถอย่าง "เต็มที่" และก็ได้รับความสนใจอย่างมาก
น่าจะเป็นด้วยคุณภาพ และสมรรถนะของรถตรานี้เอง รวมทั้งภาพพจน์ที่ดีมากในระดับนานาชาติ รุ่นใหญ่มีขายมานานพอสมควรแล้ว ส่วนรุ่นกลางถือว่าใหม่ที่สุด จำนวนคนที่อยากได้นั้นมากมายอย่างไม่ต้องสงสัยครับ แต่จำนวนคนที่ "ซื้อ ไหว" ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะราคารถขนาดนี้ และระดับนี้ย่อมสูงมากอยู่แล้วเป็นธรรมดา รายได้หลักของบริษัทรถตรงนี้ ไม่ว่าจะในประเทศใด จึงมาจากการขายรุ่นเล็ก ในแบบกำไรน้อยหน่อย แต่อาศัยจำนวนที่มากกว่า รุ่นนี้นั้น ในต่างประเทศมีจำหน่ายแล้วบางรุ่น มีการทดสอบโดยนิตยสารรถชั้นนำแล้วหลายฉบับด้วย ผมต้องทนดู "เหยื่อ" ที่กำลังลงชื่อในสัญญาซื้อ หรือไม่ก็กำลัง ทดลองนั่ง พร้อมกับฟังคุณสมบัติ โดยการ "กล่อม" ของพนักงานขายด้วยความสงสาร และสังเวชใจอย่างยิ่งครับ
แน่นอนว่า ความรู้สึก และจุดประสงค์ในการซื้อรถรุ่นนี้ของบรรดาลูกค้า ย่อมแตกต่างกัน ตั้งแต่เป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะฐานะทางการเงินดีมากซื้อให้ลูก หรืออาจเป็นผู้ที่กำลังจะซื้อรถในฝันใหม่เอี่ยมสักคัน หลังจากที่ทนลำบาก เก็บหอมรอมริบมานาน ประเภทหลังนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมสงสาร และรู้สึกสังเวชใจเป็นพิเศษ ผมได้ประสบการณ์จากงานมหกรรมยานยนต์มาแล้วเมื่อต้นเดือน ที่ได้คำตอบลวงโลกว่า รุ่นใหม่นั้นกว่าจะมีขายให้คนไทย ก็ "เป็นปี" จึงไม่ต้องการถามอีก และผมก็ไม่สามารถเตือน "เหยื่อ" เหล่านี้ได้ด้วย เพราะไม่มีอะไรยืนยันต่อพวกเขา ว่าผมรู้ความจริงเรื่องนี้ และโดยเฉพาะคนไทยที่ช่วยเปลี่ยนรถ มีจำนวนไม่น้อยที่หลงผิดคิดว่ามีความรู้ และข้อมูลเพียงพอเสมอ โอกาสที่จะเชื่อมีน้อยครับ
การซื้อรถตกรุ่นโดยไม่ทราบความจริงว่ามีรถรุ่นใหม่จำหน่ายแล้วนั้น เป็นความเสียหายอย่างมากครับ ถ้าหากจะซื้อ ต้องซื้อโดยทราบอยู่แล้ว และต้องได้รับการเสนอเงื่อนไขพิเศษอย่างยุติธรรมด้วย อาจจะมีผู้ที่แย้งว่า ไม่สนใจว่าเป็นรุ่นใหม่หรือเก่า บางคนอาจเห็นว่ารุ่นเก่านั้น "สวย" กว่ารุ่นใหม่ เพราะยังไม่คุ้น ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในของรถก็ตาม แม้จะมีความรู้สึกเช่นนี้ ก็ยังต้องห้ามซื้อรถตกรุ่น โดยไม่ได้รับเงื่อนไขพิเศษด้านราคาครับเพราะความเสียหายนั้นมากมาย เนื่องจากมูลค่าของรถจะตกฮวบ ทันทีที่รุ่นใหม่ถูกจำหน่าย ถ้าเป็นรถระดับทั่วไปที่ไม่แพงมาก ก็สูญเงินไม่ต่ำกว่าแสนครับ ถ้าเป็นรถราคาแพง เงินนับล้านก็จะหายวับไปกับตา ไม่ต่างจากการเผาทิ้ง ยังไม่รวมความเจ็บใจ ที่ประเมินเป็นราคา (ค่าโง่) ได้ยาก เอาเศษเงินมาสมัครเป็นสมาชิกนิตยสารรถสักฉบับที่ลงข่าวตลาดรถยนต์ระดับนานาชาติเป็นประจำ ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถึงจะไม่สนใจเรื่องอื่นเกี่ยวกับรถเลย ซื้อไว้ดูความเคลื่อนไหวของบริษัทรถ ที่จะออกรถรุ่นใหม่ในตลาดโลก ก็ยิ่งกว่าคุ้มครับ
เรายังขาดองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพ ทุกวันนี้การหลอกลวงขายรถ หรือสินค้าอื่นใดด้วยวาจา ถือกันว่า "ทำได้" บรรดานักขายทั้งหลายจึงย่ามใจ และย่ำยีต้มตุ๋นลูกค้ากันอย่างสนุกสนาน เป็นเหยื่อที่ป้องกันตนเองไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่ต้องการป้องกันตนเองด้วยซ่ำไป ผมว่ามันเป็นเรื่องแปลก และไม่ควรปลอบให้เกิดขึ้นต่อไป ในเมื่อการฉ้อโกงต้มตุ๋นด้วยวาจากรณีอื่น ก็มีโทษถึงจำคุกอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิ์มาอ้างว่าเข้าใจผิด ได้ข้อมูลไม่ครบหรือ ฯลฯ ความผิดของคนพวกนี้ ที่จริงแล้วก็ไม่ต่างไปจากแกงค์ตกทอง หรือต้มตุ๋นประเภทอื่นเลยครับ ควรถูกปรับหรือขังคุกให้เข็ด
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่อนุญาตให้ผู้ใด จำหน่ายส้มโอที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวจากต้นในจังหวัดสมุทรสงคราม โดยแอบอ้างว่าเป็นผลิตผลของจังหวัดนี้มิฉะนั้นจะแจ้งความดำเนินคดีอย่างจริงจัง เป็นความเห็นที่ถูกต้องที่สุดแล้วครับ การละเมิดดังกล่าวนี้ ก็ไม่ต่างไปจากการทำเป็นอ้างว่าไม่รู้ ว่ามีรถรุ่นใหม่ออกจำหน่ายแล้วนั่นเองครับ และไม่ต้องแกล้งโง่ถามด้วยครับว่า ก็ยังไม่มีรถรุ่นใหม่ "ในมือ" ให้ขาย จะให้ทำอย่างไร
ง่ายมากครับ บอกความจริงแก่ลูกค้า ไม่ต้องถึงขนาดว่า รุ่นใหม่ดีกว่ากี่ด้าน และเพียงใด แล้วก็จำหน่ายในราคารถใหม่ที่กำลังจะตกรุ่น (ในเมืองไทย) มีลูกค้าจำนวนมากครับ ที่พอใจกับเงินที่ประหยัดได้ และคุ้มค่า โดยไม่จำเป็นต้องรอซื้อรุ่นล่าสุดอีกหลายเดือน และในราคาที่สูงกว่ามาก ยิ่งอยู่ในระบบที่บริษัท ใหญ่เป็นผู้รับผิดชอบ ยิ่งลดราคาได้ง่ายมาก เพราะสัดส่วนกำไรของการผลิตรถขายนั้น สูงพออยู่แล้ว
อย่าขับรถเครื่องร้อนจัด
ตั้งแต่ในวัยเด็กเป็นต้นมา ผมเห็นรถยนต์ที่เครื่องยนต์ชำรุดเพราะร้อนจัดมามากมายหลายร้อนคันแล้วครับ คำว่าร้อนจัดในที่นี้ของผม หมายถึง ร้อนเกินระดับใช้งานปกติ ความหมายในภาษาอังกฤษที่ใช้คำว่า OVERHEATED ตรง และเข้าใจง่ายดีครับ เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน สายพานขาด คลัทช์ความหนืดของพัดลมเสื่อมสภาพ ท่อน้ำรั่วหรือแตก หรือไม่ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลย เพียงแค่เจ้าของหรือผู้ใช้ เป็นพวก "ขับอย่างเดียว" ไม่เคยตรวจระดับน้ำ และเติมน้ำเลย ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ผมลัพธ์บั้นปลายก็คือ เครื่องยนต์ถูกใช้งานโดยขาดของเหลว (น้ำ+สารกันสนิม) ช่วยระบายความร้อน เพราะแม้ตอนแรกจะมีน้ำในระบบเพียงพอ แต่ถ้าอุณหภูมิสูงมากจนเดือด ก็จะกลายเป็นไอ จนปริมาตรน้ำในระบบขาดไป เครื่องยนต์จึงร้อนจัดจนชำรุด อาการประจำส่วนใหญ่ คือ ฝาสูบโก่งงอ เติมน้ำกลับเข้าไปแล้วก็ยังรั่ว อาจมีการชำรุดของ "ปะเก็น" (GASKET) พ่วงด้วย
ทำไมฝาสูบซึ่งเป็นโลหะแข็งจึงโก่งงอได้ง่ายมาก ? เพราะฝาสูบของเครื่องยนต์สมัยนี้ ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งมีจุดหลอมเหลวต่ำกว่าเหล็กครับ โดยเฉพาะจุดที่เนื้ออลูมิเนียมเริ่มอ่อนตัวแบบไม่คืนกลับ ตรงไหนถูกดัน หรือดัดมาก ก็งอมาก
พอเครื่องยนต์เย็น ก็คงรูปร่างอยู่อย่างนั้น แรงบีบระหว่างฝาสูบ และเรือน หรือเสื้อ หรือ "บลอค" ของเครื่องยนต์ ซึ่งมีปะเก็นฝาสูบคั่นอยู่ จึงลดลงมากในบางจุด ไม่สามารถ "กักน้ำ" ได้อีกต่อไป ความเสียหายเช่นนี้ ถือว่าหนักครับเพราะต้องรื้อฝาสูบออกมา แล้วใช้เครื่อง "กัด" ให้เรียบ ช่างชอบเรียกว่า "ใส" ไม่ถูกต้องครับเพราะถ้าใสจะได้ผิวเป็นเส้น และไม่เรียบพอ ถ้ามีเนื้อฝาสูบเหลือให้เอาออก เพื่อกำจัดความโก่ง หรืองอให้หมดไป ก็ต้องถือว่าโชคดีครับ เพราะรถหลายรุ่นสมัยนี้ใช้เครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบให้มีห้องเผาไหม้แบบประสิทธิภาพสูง เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง ให้กำลังสูง และลดสารพิษในไอเสียด้วย ห้องเผาไหม้จึงมีระยะ และรูปทรงเฉพาะ คลาดเคลื่อนไม่ได้ ซึ่งก็หมายความว่าปาดเอาเนื้อมันออกไม่ได้นั่นเองครับ ต้องเปลี่ยนฝาสูบใหม่ทั้งอัน (ถ้าเป็นเครื่องแบบ วี หรือสูบนอน ก็โดนทั้ง 2 อัน) หลายรุ่นราคาเกินแสนบาทนะครับ
เพราะฉะนั้น หมั่นชำเลืองมาตรวัดอุณหภูมิน้ำเป็นระยะนะครับ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกลหรือใช้ความเร็วสูง ดับเครื่องยนต์ให้ทันก่อนที่เข็มจะไปถึง แถบสีแดง หรือสุดด้านร้อนครับ เครื่องยนต์จะยังไม่เสียหาย จากนั้นถ้าไม่มีความรู้เชิง
ช่างเพียงพอ แจ้งศูนย์บริการ หรือติดต่อรถมายกหรือลากเข้าอู่เท่านั้น ถูกกว่าฝืนขับต่อมากมายครับ
ABOUT THE AUTHOR
เ
เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ