ชีวิตอิสระ(4wheels)
ล้านนาแอดเวนเจอร์ 2013
"ชีวิตอิสระ" ขอแนะนำการแข่งขันกีฬาคนแกร่ง "ล้านนาแอดเวนเจอร์ 2013" เก็บคะแนนสะสมรายการใหญ่ของประเทศ ประกอบด้วยกีฬาผจญภัย 4 ชนิด ได้แก่ วิ่ง ว่ายน้ำ พายเรือ และปั่นจักรยาน ใช้พื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน และลำปาง มีนักกีฬาพันธุ์แกร่งทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ เข้าร่วมแข่งขันคับคั่ง
มาชมกันครับว่านักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ จะต้องแกร่ง และอึด ขนาดไหน
"ล้านนาแอดเวนเจอร์ 2013" เป็นการแข่งขันกีฬารายการใหญ่ที่ใช้การเก็บคะแนนสะสม 4 สนาม ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน และลำปาง มีนักกีฬาดังเข้าร่วมกว่า 200 คน
สำเริง ไชยเสน หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง ประธานจัดงาน กล่าวว่า "ล้านนาแอดเวนเจอร์ 2013 จัดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการ ห้างร้าน และสมาคมต่างๆ ในภาคเหนือตอนบน เหตุที่จัดเพราะสภาพพื้นที่เหมาะสมกับกิจกรรมผจญภัย และต้องการให้ท้องถิ่นได้พัฒนาศักยภาพตนเองให้สูงขึ้น เนื่องจากมีนักกีฬาทีมชาติ และนักแข่งมืออาชีพเข้าร่วมชิงชัยด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการเชิญชวนนักเดินทางจากทั่วสารทิศ มาท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจให้คึกคักยิ่งขึ้น"
ประเภทกีฬาของจอมพลัง
รายการนี้เป็นการแข่งขันกีฬาที่รวมไว้หลากชนิด ในสไตล์ วิ่ง ว่าย พาย ปั่น ที่คนพันธุ์แกร่ง ต้องฟันฝ่าเพื่อเข้าเส้นชัย โดยมีรางวัลเป็นเงินสดและของรางวัลมากมาย
วิ่ง
การทดสอบร่างกายกับกีฬาชนิดนี้ ถือว่าไม่ธรรมดา เนื่องจากเป็นการวิ่งระยะทางไกล นักกีฬาต้องมีพลังเหลือเฟือ เพราะไม่ได้วิ่งบนทางราบ ภูมิประเทศในแต่ละจังหวัดล้วนแต่มีสภาพทางลาดชัน ซึ่งบั่นทอนพละกำลังเป็นอย่างดี
ว่ายน้ำ
นักกีฬาทุกคนจะต้องว่ายน้ำระยะทางประมาณ 500-1,000 ม. (แล้วแต่สนาม) อุปสรรคในการผลาญพลังงานที่มีอยู่ในร่างกาย ถึงระยะทางจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้พลังหดหายไปไม่ใช่น้อย
พายเรือคายัค
นักกีฬาต้องมีทักษะการพายเรือประเภทนี้ เพื่อทำเวลาให้ได้น้อยที่สุด แม้ระยะทางในการแข่งขันจะพอๆ กับการว่ายน้ำ แต่ความเหนื่อยล้า และการวางไลน์ที่ให้นักกีฬาพายเรืออ้อมทุ่น ถือว่ายาก หากไม่มีทักษะการพายเรือ ก็จะทำให้เสียเวลา
ปั่นจักรยานเสือภูเขา
ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการแข่งขันก็ว่าได้ ทุกสนามจะใช้ระยะทางในการปั่นประมาณ 30 กม. รูปแบบมีทั้งบนถนนหลวงผสมกับเส้นทางทุรกันดาร ลัดเลาะไหล่เขา นักกีฬาทีมชาติและมืออาชีพด้านการแข่งจักรยานเสือภูเขา ร่วมชิงชัยจำนวนมาก
แบ่งรุ่น ตามคุณสมบัติ
ไม่มีใครได้เปรียบ และเสียเปรียบ
ไม่ต้องห่วงว่าใครจะได้เปรียบ หรือเสียเปรียบเรื่องพละกำลัง เพราะการแข่งขันรายการนี้ มีกติกาชัดเจนใช้ระบุรุ่นตามกฏเกณฑ์ มีทั้งประเภทเดี่ยว และทีม ซึ่งจำกัดทีมละ 2 คน สามารถจำแนกรุ่นต่างๆ ได้ดังนี้
รุ่นบุคคลชายทั่วไป (ระบุรุ่นตามอายุ)
รุ่นบุคคลหญิงทั่วไป (ระบุรุ่นตามอายุ)
รุ่นทีมชายทั่วไป (ทีมชายไม่จำกัดอายุ)
รุ่นทีมหญิงทั่วไป (ทีมหญิงไม่จำกัดอายุ)
รุ่นทีมผสม ชาย-หญิง (ทีมผสมไม่จำกัดอายุ)
รุ่นทีมอายุรวมเกิน 80 ปี
(ทีมชายล้วน หรือหญิงล้วน หรือผสมก็ได้ ไม่จำกัดสิทธิ กำหนดที่อายุรวม)
รุ่นทีมรวมอายุเกิน 100 ปี
(ทีมชายล้วน หรือหญิงล้วน หรือผสมก็ได้ ไม่จำกัดสิทธิ กำหนดที่อายุรวม)
สถานที่ 4 จังหวัด
ธรรมชาติงดงาม เชิญให้สัมผัส
การแข่งขันรายการนี้ใช้เส้นทางตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของแต่ละจังหวัดในภาคเหนือตอนบน ซึ่งประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และรายละเอียดของเส้นทางการแข่งขันดังนี้
สนามแรก จ. เชียงใหม่
ความมันบังเกิดที่ อช. ดอยสุเทพ-ปุย
เปิดฉากสนาม 1 ที่ จ. เชียงใหม่ ใช้สถานที่ของสนามกีฬา 700 ปี เป็นจุดสตาร์ท ผ่านไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า และเส้นทางผจญภัยในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ประกอบไปด้วย การวิ่งแบบฟรีรัน ระยะทาง 980 ม. ปั่นจักรยานเสือภูเขา ระยะทาง 16.5 กม. ตามต่อด้วยพายเรือคายัค 1 กม. และวิ่งผจญภัยอีก 8.9 กม. รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 27.3 กม.
สนาม 2 จ. ลำพูน
วัดใจด้วยเส้นทางโหดๆ ณ อช. ดอยขุนตาล
สนามนี้ใช้เส้นทางในอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นอุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศไทย ผ่านสนามกอล์ฟกั๊ตซัน และสะพานทาชมภู เริ่มสตาร์ทด้วยการวิ่งแบบฟรีรัน ระยะทาง 380 ม. ต่อด้วยการปั่นจักรยานเสือภูเขา ระยะทาง 12.5 กม. และวิ่งมาราธอน อีก 12.4 กม. ทั้งยังลุยทางโหดกับการปั่นจักรยานเสือภูเขาประเภทดาวน์ฮิลล์ ระยะทาง 12.2 กม. และพายเรือคายัค อีก 1 กม. รวมระยะทาง 38.5 กม.
สนาม 3 จ. แม่ฮ่องสอน
ลุยเมืองสามหมอก อช. น้ำตกแม่สุรินทร์
ในสนามนี้จะมีการแข่งหลากรูปแบบ และระยะทางไกลกว่าทั้ง 2 สนามที่ผ่านมา เริ่มจากวิ่งระยะทาง 300 ม.และว่ายน้ำอีก 400 ม. เพื่อวิ่งขึ้นเขาไปยังพระธาตุดอยกองมู อีก 2 กม. จากนั้นเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการปั่นจักรยานเสือภูเขา ระยะทาง 28 กม. ไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ แล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นวิ่งรอบอ่างเก็บน้ำด้านบนอุทยาน ฯ อีก 4.1 กม. ต่อจากนั้นจึงปั่นจักรยานเสือภูเขาเข้าเมือง ระยะทาง 7.7 กม. ก่อนวิ่งต่ออีก 1.7 กม. และพายเรือคายัคบริเวณสระน้ำสาธารณของวัดจองคำ อีก 400 ม. ระยะทางรวม 44.6 กม.
สนามสุดท้าย จ. ลำปาง
ปิดฉากกีฬาคนพันธุ์อึด ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
ปลายทางของการแข่งขันรายการนี้อยู่ที่ จ. ลำปาง ใช้พื้นที่โดยรอบศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเป็นสนามแข่งขัน สนามนี้ออกสตาร์ทด้วยการวิ่งระยะทาง 200 ม. ต่อด้วยว่ายน้ำอีก 300 ม. แล้วจึงวิ่งระยะทาง 6.5 กม. เพื่อปั่นจักรยานเสือภูเขา ระยะทาง 23.6 กม. จากนั้นเป็นการพายเรือคายัค ระยะทาง 400 ม. และวิ่งเข้าเส้นชัยอีก 200 ม. รวมระยะทางทั้งสิ้น 31.2 กม.
ทั้งหมดนี้ คือ กีฬาของคนพันธุ์อึด ที่ชิงชัยมาถึง 4 สนาม 4 จังหวัด ผลแพ้ชนะจากการสะสมคะแนนทำให้รู้กันแล้วว่าใครเป็นคนพันธุ์แกร่งตัวจริง ในส่วนของสถานที่จัดงานล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นความงดงามของธรรมชาติ รวมถึงเส้นทางผจญภัยที่ใช้แข่งขัน ยังท้าทายคนพันธุ์แกร่งหน้าใหม่ให้ไปทดสอบ ถ้าคุณคิดว่าเป็นจอมพลังคนหนึ่ง การแข่งขันรายการนี้ถือเป็นสนามประลองกำลังอย่างดี และอาจจะคว้ารางวัลกลับไปเชยชมก็เป็นได้
ชีวิตอิสระ ฉบับหน้า จะพาผู้อ่านไปตามรอยเส้นทางสมรภูมิรบ เดียนเบียนฟู กับทริพ อีซูซุ คาราวานสัญจร ไทย-ลาว-เวียดนาม เรื่องราวจะเป็นอย่างไร...โปรดติดตาม
[table]
ขอขอบคุณ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อ นิสสัน นาวารา ดับเบิลแคบ คาลิเบอร์ 2.5 แอลอี เกียร์อัตโนมัติ เพื่อเป็นพาหนะสำหรับเดินทาง
[/table]
เรื่องโดย : ณัฐเทพ เผ่าจินดา
ภาพโดย : ราชวัตร แสงจันทรา
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/92301