"Sedric" เป็นคำสมาธิที่มาจากคำว่า Self-Driving Car รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ซึ่งอันที่จริงน่าจะเรียกว่าตู้โดยสาร ขนาด 4 ที่นั่ง ที่เป็นส่วนหนึ่งของค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี ที่มีเป้าหมายโครงการ Together-Strategy 2025 ที่จะเตรียมการสำหรับการขนส่งผู้คนในศตวรรษหน้า พัฒนาโดย Mobility Solutions Division ของ Volkswagen Groupโครงสร้างพื้นฐานของ Sedric พัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อเตรียมที่จะให้ค่ายในเครือได้ใช้งานกัน ภายใต้แนวคิดที่ว่าจะเป็นยานยนต์เพื่อการขนส่ง สำหรับการเดินทางของผู้คนในศตวรรษหน้า ที่ง่ายต่อการควบคุม และจะเป็นพาหนะที่ใช้งานร่วมกัน ของผู้คนหลากหลาย ก่อนหน้านี้ Volkswagen Group ลงทุนไปในการพัฒนายานยนต์เพื่อการใช้งาน และก่อตั้งบริษัทให้บริการ ในชื่อ MOIA แต่ Sedric มาพร้อมแนวความคิดสำหรับอนาคต ด้วยขนาดของตัวรถกำลังพอเหมาะ ภายในตกแต่งแบบยานยนต์คลาสสิค พร้อมพวงมาลัยและแป้นควบคุม รูปลักษณ์ภายนอกทรงกล่อง ภายในมี 4 ที่นั่ง คล้ายที่นั่งบนเครื่องบิน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ติดตั้งบนเพลาด้านหลัง ให้กำลังราว 134 แรงม้า ใช้ชุดแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ที่ติดตั้งอยู่ในพื้นรถ สามารถเดินทางได้ราว ราว 400 กม. หัวใจของ Sedric อยู่ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยตนเอง ในระดับ 5 ที่พัฒนาโดย Volkswagen Group วางแผนที่จะแนะนำรถที่ไม่ต้องมีคนขับ หลังปี 2563 ติดตั้งระบบตรวจจับ 5 จุด LIDAR คือ แสงสว่าง, ภาพที่มองเห็น, การตรวจสอบวัตถุ และสแกนเนอร์ ที่จะระบุว่าวัตถุนั้นคืออะไร ติดตั้งบนหลังคารถ พร้อมกล้อง 7 ตัว และเรดาร์ เซนเซอร์ อีกหลายจุด การเชื่อมต่อของผู้ใช้สำหรับอนาคต จะเป็นเพียงปุ่มกดปุ่มเดียว เมื่อกดปุ่ม ส่วนควบคุมภายในรถ จะแสดงเวลาเดินทางถึงจุดหมาย ด้วยสัญญาณสี รวมทั้งสัญญาณสั่นที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความประทับใจในตัวรถ Volkswagen Group อธิบายต้นแบบการเดินทางอย่างใหม่นี้ว่าเป็น "Father of Numerous Concepts” (บิดาของต้นแบบทั้งปวง) ที่พัฒนามาเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งเด็กและผู้สูงอายุ รวมทั้งเพื่อในเครือสหกรณ์ ซึ่งมี Audi, Bentley, Bugatti, Seat และ Skoda สามารถนำไปใช้ได้ทันที โครงการนี้อนุมัติการทำงานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2559 โดย Matthias Mueller ประธานบริษัท ซึ่งออกแบบแนวคิดและรถขนาดต่างๆ นำเสนอในงานมหกรรมยานยนต์เจนีวาเมื่อปีก่อน Mueller อธิบายการทำงานว่า "Sedric เป็นยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง ด้วยระบบการทำงานระดับสูง ควบคุมการขับขี่ได้ทุกสภาพด้วยตัวเอง พัฒนาเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ คุณสามารถพูดคุยกับ Sedric ได้เหมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ สามารถควบคุมระบบต่างๆ ด้วยเสียง สามารถเลือกได้ว่าจะให้ไปเร็ว ขับเคลื่อนแบบไม่ปล่อยมลภาวะ หรือตามเส้นทางที่ Sedric เลือก และส่งคุณเมื่อถึงจุดหมาย จากนั้นก็เคลื่อนตัวไปหาที่จอดรถ หรือไปยังลูกค้าคนอื่นที่ต้องการการเดินทาง" Mueller ยืนยันว่าระบบที่ใช้ใน Sedric จะค่อยๆ นำมาใช้ในรถยนต์ที่ออกจากค่าย Volkswagen ภายในไม่ช้านี้ ในขณะที่ทุกยี่ห้อ ต่างกำลังมุ่งไปสู่ยานยนต์ไร้คนขับพร้อมๆ กัน
บทความแนะนำ