รายงานข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า May Mobility บริษัทสตาร์ทอัพ ที่พัฒนารถรับ/ส่งในรูปแบบไร้คนขับ เพื่อการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ประกาศเพิ่มทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาในระดับต่อไป โดยรายงานข่าวระบุว่า เงินสนับสนุนส่วนหนึ่งมาจาก Toyota ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นรายงานข่าวยังระบุว่า เงินสนับสนุนก้อนใหญ่ มาจาก Toyota Motor Corp. แม้ว่าจะไม่มีการระบุจำนวนเงิน แต่ก็สามารถบอกได้ว่า ค่ายสามห่วง มีความสนใจในการพัฒนาธุรกิจนี้ อันอาจสามารถเกี่ยวข้องได้กับรถยนต์ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน Keiji Yamamoto หัวหน้าการปฏิบัติการ Toyota และประธานบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับการเชื่อมต่อ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “May Mobility มีประวัติที่ดี และทำการเชิงพาณิชย์ในการใช้รถยนต์ไร้คนขับ เพื่อการรับ/ส่งผู้คน จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งทำให้เรามีความสนใจ” May Mobility เริ่มต้นโครงการในดีทรอยท์ มิชิแกน และระดมทุนเริ่มต้นมาครั้งแรก 83.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2,508 ล้านบาท โดยการระดมทุนครั้งที่ 2 นี้ เพื่อการจ้างทีมงานวิศวกรเพิ่มเติม ในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ แบบ 6 ที่นั่ง เพิ่มเติม Alisyn Malek ซีโอโอ May Mobility กล่าวว่า "การเข้ามาสนับสนุนเงินทุนของ Toyota นี้ ในอนาคตคาดหวังว่าโครงการครั้งต่อไปเพื่อการพัฒนา จะใช้ญี่ปุ่น เป็นสถานที่ทดสอบ" Toyota ก่อตั้ง Toyota AI Ventures ขึ้นเป็นการภายใน เพื่อมุ่งในการพัฒนารถยนต์รูปแบบใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบปัญญาประดิษฐ์ และนับเป็นครั้งแรกที่เริ่มลงทุนใน May Mobility ด้วยเงินทุนที่แยกตัวออกจาก Toyota อย่างชัดเจน ผู้ที่ร่วมลงทุนในครั้งใหม่นี้มี BMW i Ventures, Millennium Technology Value Partners และ Cyrus Capital Partners. Sparx Group เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไร้คนขับ ที่ดึงดูดใจผู้ลงทุนใน May Mobility คือ การมุ่งไปที่การรับ/ส่งคนออกจากที่พัก เพื่อเดินทางต่อ และการส่งผู้คนกลับที่พัก จากสถานีขนส่งต่างๆ หรืออาจเรียกได้ว่า First-Mile-Last-Mile Links สำหรับผู้คนในย่านชานเมือง ที่ต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะในการเดินทางไปทำงาน และกลับที่พัก May Mobility ยังระบุว่า ในการทดลองโครงการแรกนี้ สามารถรับ/ส่งผู้คนเพื่อการเดินทางไปแล้ว 170,000 เที่ยว