MG เปิดตัว Gloster ในอินเดีย เอสยูวีพื้นฐานพิคอัพ Extender

MG ประเทศอินเดีย เปิดตัว MG Gloster (เอมจี กโลสเตอร์) รถเอสยูวีที่มีพื้นฐานจากรถพิคอัพ เพื่อมาแข่งกับ Toyota Fortuner (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์) ที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับประเทศไทย     MG Gloster เป็นการนำ Maxus D90 (แมกซัส ดี 90) รถเอสยูวีที่มีพื้นฐานจากรถพิคอัพในเครือ SAIC ที่ทำตลาดในประเทศจีน มาติดตรา MG เข้าไปแทน โดยพื้นฐานของรถคันนี้ถูกสร้างขึ้นจากรถพิคอัพ Maxus T60 (แมกซัส ที 60) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ MG Extender (เอมจี เอกซ์เทนเดอร์)     ทางด้านมิติตัวถัง MG ชูจุดเด่นว่าเป็นรถเอสยูวีพื้นฐานพิคอัพที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ด้วยขนาด ยาวxกว้างxสูง เท่ากับ 5,005x1,932x1,875 มม. ระยะฐานล้อ 2,950 มม.     ในขณะที่ Toyota Fortuner อยู่ที่ 4,795x1,855x1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. และเมื่อเทียบกับ Ford Everest ที่ใหญ่สุดในตลาดตอนนี้ มีขนาดยาว 4,893 มม. กว้าง 1,862 มม. และสูง 1,836 มม. ระยะช่วงล้อ 2,850 มม. เท่ากับว่า MG Gloster ยังมีขนาดใหญ่กว่าในทุกมิติ     ขุมพลังของ MG Gloster ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 48.9 กก.-ม. (480 นิวตัน-เมตร)​ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 11.21 วินาที     การตกแต่งภายใน เมื่อเปิดประตูบานหน้าจะสัมผัสกับแดชบอร์ดที่ออกแบบอย่างหรูหรา ถูกหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลพร้อมเดินตะเข็บ 2 ชั้น ขอบอลูมิเนียมปัดเงา หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ที่ถูกเชื่อมต่อบริเวณแผงหน้าปัด     จากภาพการทดสอบโดยเวบไซท์ Todaytopnews บอกถึงจุดเด่นของที่นั่งแถว 3 ที่มีพื้นที่มากกว่ารถเอสยูวี 7 ที่นั่ง ที่ราคาแพงกว่า องศาในการชันเข่ามีน้อยกว่า     และที่นั่งแถวที่ 2 เป็นแบบ Captian Seat ขนาดใหญ่     รถคันนี้มีระบบขับเคลื่อนแบบ 4WD พร้อม e-diff lock ที่สามารถใช้งานผ่านปุ่มคอนโซลกลาง และยังมีโหมดการขับเคลื่อนสำหรับทางทราย หิมะ หิน และโคลนให้เลือกใช้อีกด้วย     ระบบความปลอดภัยมีแบบจัดเต็ม Active Safety ทั้งระบบความเร็วอัตโนมัติแปรผันตามรถยนต์คันหน้า, ระบบเบรคอัตโนมัติ เมื่อเสี่ยงชนด้านหน้า, ระบบถอยจอดอัตโนมัติ, เซนเซอร์เตือนมุมอับสายตา และถุงลมนิรภัยทั่วทั้งคัน เป็นต้น     นอกจากนี้ยังได้ระบบความปลอดภัย 5 ดาว จากการทดสอบ ANCAP เป็นรางวัลการันตีความปลอดภัยอีกด้วย     MG Gloster เริ่มวางจำหน่ายจริงที่ประเทศอินเดีย ในเดือนตุลาคม 2563 นี้ โดยมีราคาเริ่มต้นเทียบเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านบาท ส่วนในไทยคงต้องรอลุ้นกันต่อไป