รายงานข่าวจากประเทศเมียนมาร์ ระบุว่า จากเหตุการณ์รัฐประหารในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักข่าว Japan Times รายงานว่า Suzuki Motor (ซูซูกิ มอเตอร์) ได้หยุดสายการผลิตของโรงงานในเมียนมาร์ เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน เช่นเดียวกับห้างค้าปลีกรายใหญ่ Aeon (อีออน) และผู้ผลิตชิ้นส่วน Denso (เดนโซ) ก็สั่งระงับการทำงานเช่นกัน เพื่อเป็นการปกป้องทรัพย์สินของบริษัทฯSuzuki ยืนยันว่า ได้สั่งระงับสายการผลิต ของโรงงานในย่างกุ้ง เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ ซึ่งมีพนักงานอยู่ราว 400 ราย ยอดการขายรถยนต์ในเมียนมาร์ ค่าย Suzuki มีส่วนแบ่งอยู่ราว 60 % โดยในปี 2562 ทำยอดขายได้ราว 13,200 คัน พร้อมทั้งระบุว่า จะตัดสินใจเริ่มสายการผลิตอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย กำลังทหารพม่า เข้าควบคุมตัว นางออง ซาน ซู จี เมื่อเช้าวันจันทร์ พร้อมทั้งผู้นำอีกหลายนาย เพื่อเป็นการยึดอำนาจในครั้งนี้ บรรดาธุรกิจของชาวญี่ปุ่น ซึ่งรวมทั้ง Kirin Holdings เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในเมียนมาร์ นับแต่ นาง ออง ซาน ซู จี ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นเมื่อปี 2558 และจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมาร์ จะวุ่นวายปั่นป่วนมากสักเพียงใด นับแต่กรณีชนกลุ่มน้อย โรฮิงยา แต่บรรดานักลงทุนจากญี่ปุ่น นับร้อยบริษัท ต่างยังคงทำธุรกิจในเมียนมาร์ ที่มีประชากรมากกว่า 50 ล้านคน โดยไม่มีทีท่าว่าจะถอนตัวออก Japan External Trade Organization หรือองค์การค้าของญี่ปุ่น ระบุว่า ปัจจุบัน มีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ทำธุรกิจอยู่ในเมียนมาร์ ราว 400 บริษัท ขณะที่ค่าย Toyota (โตโยตา) ที่มีแผนงานที่จะเริ่มสายการผลิต ในโรงงานแห่งแรก และเริ่มดำเนินธุรกิจในเมียนมาร์เดือนนี้ กล่าวว่า เหตุการณ์รัฐประหารครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วน Denso กล่าวว่า ไม่สามารถติดต่อกับพนักงาน และผู้ร่วมงานได้เลย อันเนื่องมาจากโทรศัพท์ และสัญญาณอินเตอร์เนท ถูกระงับ “เราไม่สามารถติดต่อกับพนักงานของเราได้เลย เลยไม่รู้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร” โฆษกของบริษัทฯ ระบุ ขณะที่โฆษกของ Aeon ซึ่งมีแผนงานจะเปิดชอพพิงมอลล์แห่งแรก ในประเทศเมียนมาร์ ปี 2566 ระบุว่า ท้ายที่สุดก็สามารถติดต่อกับพนักงานของบริษัทฯ ได้แล้ว ผ่านทางอินเตอร์เนท ระบุว่า “เรายังไม่ได้ตัดสินใจ เรากำลังตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” Aeon กล่าวว่า ได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัยของพนักงานชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานในประเทศเมียนมาร์ และยังคงกำหนดการเปิดชอพพิงมอลล์ ไว้เช่นเดิม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงานท้องถิ่นเป็นหลัก
บทความแนะนำ