Volkswagen ID.4 รถครอสส์โอเวอร์ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า คว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมที่สุดในโลกของปี 2564 แต่ทางค่ายมองว่ามันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เพราะยังมีหนทางในการพัฒนาอีกมากมายสำหรับรถรุ่นนี้รายงานจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Volkswagen ID.4 คือ สัญญาณว่าผู้ผลิตรถยนต์จากเยอรมนี เดินหน้าเต็มตัวกับรถไฟฟ้า จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสรถจากเยอรมนีหลายรุ่น ID.4 ถือเป็นหนึ่งรถที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างน่าประทับใจในชีวิตประจำวัน ทางบริษัทได้ประกาศว่าจะมีการปรับเปลี่ยน และพัฒนา สำหรับ Volkswagen ID.4 รุ่นปี 2565 และ 2566 ในด้านต่างๆ เริ่มตั้งแต่การพัฒนาพโรแกรมดิจิทอล เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ ปรับอุปกรณ์ภายในห้องโดยสาร และปรับราคาอีกนิดหน่อย ปี 2565 จะเพิ่มกำลังเครื่องชาร์จเป็น 135 กิโลวัตต์ พร้อมพัฒนาแบทเตอรี ให้มีระยะเดินทางมากขึ้น แม้ไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่คงมากกว่าเดิม ที่ทำระยะเดินทางได้ 400-416 กม. อย่างแน่นอน ราคาค่าตัวปรับขึ้นประมาณ 25,000 บาท (765 เหรียญสหรัฐฯ) ในทุกรุ่น ทำให้รุ่น Pro มีราคาเพิ่มเป็น 1.4 ล้านบาท (41,995 เหรียญสหรัฐฯ) รุ่น Pro S ที่มีสเปคสูงสุด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีราคาประมาณ 1.7 ล้านบาท (50,135 เหรียญสหรัฐฯ) และในปลายปีนี้ ค่าย Volkswagen จะใช้งานระบบเครือข่าย over-the-air (OTA) สำหรับการอัพเดทซอฟท์แวร์ของรถ ที่มีระบบ Auto-Hold Function และระบบจัดการด้านการชาร์จแบทเตอรี ที่ให้ความสะดวกในการนำรถเข้าใช้บริการที่สถานีบริการมากขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือ การย้ายฐานการผลิต สำหรับ Volkswagen ID.4 สเปคในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่รถรุ่นปี 2568 มายัง โรงงานการผลิตที่ Chattanooga ใน Tennessee คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ 2 หรือ 3 ของปีนี้ Volkswagen ได้เปลี่ยนผู้ผลิตแบทเตอรีของ ID.4 จากที่เคยใช้ของ LG Chem ไปเป็นบริษัท SK Innovation แทน นอกจากนั้นยังปรับเปลี่ยนคอนโซลกลางของรถให้เหมาะสมกับการใช้งานตามแบบ “American-style” ด้วย Scott Keogh ประธาน และซีอีโอของ Volkswagen of America ยืนยันว่า Volkswagen ID.4 ทุกรุ่นจะผลิตจากที่นี่ ตั้งแต่รุ่นสูงสุดจนถึงรุ่นพื้นฐาน สามารถตอบสนองการใช้งานของคนอเมริกันได้อย่างครบถ้วน