บ้านของเราวันนี้ มีความเงียบเป็นตัวปัญหา ตั้งแต่การระบาดของ COVID-19 เมื่อ 3 ปีก่อน และได้รับการแก้ปัญหา นับถึงวันนี้จะกลายสภาพเป็นโรคประจำถิ่นขณะ COVID-19 เริ่มส่งสัญญาณชูธงขาว บ้านนี้ก็ยังเงียบ และเงียบอย่างน่ากลัว กลุ่มที่หวาดระแวง และกลัวความเงียบ ก็คือ กลุ่มธุรกิจการค้า ตั้งแต่แม่ค้าขายเร่ริมถนน จนถึงในห้างสรรพสินค้าใหญ่โต “เงียบมากๆ เลยค่ะพี่” เจ้าของร้าน หรือไม่ก็แคเชียร์ บอกกล่าวลูกค้า อาการเรื้อรังของ COVID-19 ถือว่าสั้นพอทน แต่ความเงียบในปัจจุบัน ไม่มีโฆษกคนใดบอกว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร เหตุแห่งความเงียบ น่าจะพอรู้ พอเดา ที่มาของมันกันได้ สงครามยูเครน นั่นปะไร...!?! สงครามระเบิด น้ำมันเชื้อเพลิงก็แผลงฤทธิ์เดช แต่ก่อน เคยมีเรื่องเล่า สงครามรถถัง กลายเป็นเศษเหล็กหยุดนิ่ง เพราะขาดน้ำมัน วันนี้ ไม่มีรถถังมากมายเป็นกองทัพ แต่น้ำมันก็เป็นต้นเหตุของความเงียบ ราคาน้ำมันแผลงอิทธิฤทธิ์ ขึ้นราคากันอย่างสนุกสนาน ทุกวัน น้ำมันในบ้านเรา มีทั้ง น้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป ราคาแพงมากมาย และจะมากมายต่อไป ไม่มีวันเลิกรา เมื่อราคาน้ำมันสำแดงเดช ทุกคนก็ได้รับผลตามกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อค้าน้ำมัน ทุกคน เพราะทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยน้ำมัน ใช้ในการขนส่งเพื่อการครองชีพ โดยเฉพาะการขนส่งเข้าตลาดสดทุกวัน ราคาน้ำมันวันนี้ ยิ่งกว่าราคาทองคำ ราคาน้ำมันวันนี้ หยิ่งผยองในราคา ไม่เลือกหน้าว่าผู้ใช้น้ำมันเป็นใคร มาจากวิมานชั้นใด ใช่ครับ วันนี้ คนที่เติมน้ำมัน แบบสั่งด้วยสำเนียงปกติ “เต็มถัง...!” นั่นคือ อัครมหาเศรษฐี ใช่ ในกลุ่มรวยที่สุดในโลกหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ เพราะความเปลี่ยนไปของราคาน้ำมัน ผู้ใช้รถยนต์ทุกคนยกเว้นอัครมหาเศรษฐีก็ต้องกลายพันธุ์ จาก Happy Rider เป็น Happy Sit Tight เราก็เป็นคนหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้รถ ราคาน้ำมัน อบรมและสั่งสอนเรา ก่อนจะออกไปไหนต้องมีแผนการ แม้แต่การไปตลาดสดที่เป็นรายการประจำ เราอยู่ห่างจากตลาดสด 2.5 กม. ไป-กลับ ก็ 5 กม. ยังพออดทนได้ ที่หมดกระบวนท่า ก็คือ เติมน้ำมันลงถังพันบาท ได้ไม่ถึงครึ่งถังน้ำมันรถ เราเชื่อว่า คนใช้รถส่วนมาก ก็ต้องเปลี่ยนนิสัยใจคอใหม่ในการใช้รถ ถ้าไม่คลั่งยาบ้า รถก็จะวิ่งเป็นระเบียบมากขึ้น ถ้าไม่เมาราคาจนถึงอาการ “หลับใน” รถก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่จราจร ก็จะทำงานน้อยลง ก่อนสตาร์ทรถ ต้องรู้แล้วว่า จะไปไหน และควรใช้เส้นทางใด ประการแรกสุด ต้องมั่นใจว่า จำเป็นอย่างถึงที่สุดแล้ว ต้องออกรถจากบ้าน เพราะไม่อาจ Sit Tight ในบ้าน โดยเฉพาะออกไปซื้อของกินของใช้ประจำวันที่จำเป็น ราคาน้ำมันอย่างเดียว ทำให้รถยนต์หายไปจากท้องถนน ยิ่งกว่าการระบาดของ COVID-19 สงครามยูเครน กลายเป็นข่าวพาดหัวในใจของมนุษย์ที่พึ่งพาอาศัยน้ำมัน มีความปรารถนาในทิศทางเดียวกัน เมื่อไรสงครามระหว่างพรมแดนที่ยูเครน จะยุติ ได้ยินแต่ข่าว ยากมากที่จะยุติในระหว่างปี หรือ 2 ปี ความเงียบของบ้านเรา ไม่ใช่เพราะ COVID-19 แต่เป็นเพราะราคาน้ำมัน ข้าวของทุกอย่าง จำเป็นต้องขึ้นราคาตามราคาน้ำมัน มะนาวสดวันนี้ 3 ลูก 10 บาท ก็ถูกที่สุดแล้ว ก๋วยเตี๋ยว ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว แต่ละชามประมาณไม่ได้ บ้างก็เอาใจลูกค้า ประกาศราคาใหม่ของอาหารในราคาที่ล่อลวงหัวใจคนซื้อ ที่เคยขายได้ในราคาประกาศชามละ 60 ก็อาจเหลือเพียง 25 บาท เปลี่ยนเฉพาะราคา กับขนาดที่บรรจุอาหารตามราคาประกาศ ความเงียบของบ้านเรา เป็นความเงียบผิดปกติ การเดินทางด้วยรถของเรา ค่อนข้างสะดวกสบาย ไม่พบสภาพแออัด ไม่พบบริเวณที่จอดรถ ที่เต็มหมดทุกชั้น ทุกช่อง วันนี้ ถ้าราคาน้ำมันไม่ทะลึ่งตึงตัง รถคงเต็มถนน เพราะรัฐบาลลุงตู่ เปิดไฟสีเขียว สีเขียวของลุงตู่วันนี้ ไม่แน่ใจว่า รถทุกคันจะออกสตาร์ท เพราะหลายคันไม่น้อย ขอ Sit Tight อยู่ในบ้าน คิดบวกเรื่องนี้ น่าจะต้องขอบใจราคาน้ำมันบ้าง คนขับรถเริ่มรู้จักคำว่า วินัยในการขับขี่ การประหยัด และมัธยัสถ์ ของผู้คนเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น น่าจะเป็นผลดี ในความเงียบที่ผิดปกติเกิดขึ้น บ้านของเราอาจมีหลานเหลนเพิ่มขึ้นไม่ทันรู้ตัวก็เป็นไปได้... น่าเห็นใจ ลุงตู่ ทำดีที่สุด แต่ยูเครนมองไม่เห็น และยังไม่เลิกรบ ยูเครน เล่นงานทุกคนในโลก พลอยเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ทุกคนเดือดร้อน แต่ก็คงไม่ใช่ Amazing Thailand...เรายังเล่นเกม อัศจรรย์กัญชา...สำหรับชีวาคนไทย ดินแดน “สยาม-เมืองยิ้ม”...!?!