Drako Dragon เป็นผลผลิตลำดับที่ 2 ต่อจาก Drako GTE ซีดานสมรรถนะสูง ที่ใช้ Platform ของ Fisker Karma และได้เปิดเผยข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ แถมอวดโฉมที่สวยงาม พร้อมสมรรถนะระดับหัวแถวข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Drako Motors บริษัทสตาร์ทอัพใน San Jose, California เคยเปิดเผยภาพ Dragon ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ไฟฟ้า ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 โดยมาพร้อมประตูแบบปีกนกนางนวล และมีพละกำลังถึง 2,000 แรงม้า รูปทรงของ Dragon มีความผสมผสานของรถแข่งทางฝุ่นพลังไฟฟ้า และ Lotus Eletre ที่แฝงด้วยความดุดัน ในสไตล์คูเป กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เพื่อรับลมให้กับระบบระบายความร้อน เหนือกระจังหน้ามีปีกดักลมที่ติดตั้งอย่างกลมกลืน เพื่อเพิ่มแรงกด และจัดกระแสลมให้ไหลข้ามหลังคาผ่านสปอยเลอร์เหนือกระจกหลังจนพ้นท้ายรถ เพื่อให้รถมีความลู่ลม และสามารถทำระยะเดินทางได้ไกลขึ้น Drako Dragon ติดตั้งชุดไฟแอลอีดีทรงกะทัดรัดทั้งชุดไฟส่องสว่างด้านหน้า และชุดไฟสัญญาณในด้านหลัง เหนือหลังคาติดตั้งชุดไฟส่องสว่างความเข้มแสงสูง เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการเดินทาง ชิ้นส่วนตัวรถผลิตจากวัสดุผสมเส้นใยจากธรรมชาติสามารถลดการใช้พลาสติคน้อยลงถึง 70 % ส่วนแชสซีส์ขึ้นรูปจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ รูปลักษณ์ภายนอกสะดุดตา ด้วยประตูปีกนกบานใหญ่จึงไม่ต้องมีเสาบี ทั้งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้า/ออกตัวรถ ภายในห้องโดยสารติดตั้งจอสัมผัสขนาด 17.1 นิ้ว, และจอเล็กแทนที่แผงเกจวัด พวงมาลัยทรงหกเหลี่ยม พร้อมปุ่มควบคุมอุปกรณ์ที่แกนพวงมาลัย ด้านข้างรถติดตั้งกล้องแทนการใช้กระจก จะแสดงภาพในจอเล็กด้านข้างจอแผงเกจวัด เบาะนั่งแถวหน้าใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และหนัง พร้อมติดตั้งจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ส่วนหลังคาเป็นกระจกแบบพาโนรามิค การขับเคลื่อนใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว แยกขับทุกล้อ ให้กำลังสูงสุด 2,000 แรงม้า โดยมีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใน 1.9 วินาที ควอร์เตอร์ไมล์ 9.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 321 กม./ชม. ระบบเบรคใช้จานเบรคคาร์บอน-เซรามิค พร้อมคาลิเพอร์ 10 พอร์ท และ 6 พอร์ทในด้านหลัง เพื่อหยุดรถพิกัด 2.25 ตัน Drako Dragon กระจายน้ำหนักหน้า/หลัง เท่ากับ 50:50 ด้วยความยาวตัวรถ 5.03 ม. และกว้าง 2.05 ม. เมื่อเทียบกับ Lamborghini Urus แล้ว Dragon มีความยาวน้อยและกว้างกว่า ระบบรองรับแบบ Adaptive Suspension ปรับระดับความสูงได้ ปกติรถจะสูงจากพื้น 16.2 ซม. และสามารถปรับยกระดับความสูงได้ถึง 31.5 ซม. ในโหมด “Overland” Drako ไม่แจ้งรายละเอียดของแบทเตอรีแต่เป็นผู้ออกแบบและสร้างแบทเตอรีขึ้นเอง และน่าจะมีความจุสูงเพราะมีระยะเดินทางถึง 675 กม. และกำลังไฟชาร์จได้ถึง 500 กิโลวัตต์ ส่วนระบบควบคุมภายในใช้ระบบปฏิบัติการเพียงแบบเดียวเพื่อควบคุมรถทั้งคัน ตั้งแต่ระบบอินโฟเทนเมนท์, ระบบช่วยการขับขี่, ระบบการจัดการแบทเตอรี และระบบ Traction control ที่ช่วยให้ Dragon สามารถเลี้ยวแบบรถถัง (เหมือนกับ Rivian R1T) ที่หมุน 360 องศาอยู่กับที่ได้ Drako Dragon ใช้ฐานการผลิตในแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา มีกำลังผลิต 5,000 คัน/ปี และจะส่งมอบรถให้ลูกค้าได้ในปี 2569 มีราคาเริ่มต้นที่ 290,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 10.36 ล้านบาท) และตอนนี้เปิดรับจองแล้ว