สุดยอดไฮเพอร์คาร์ไฮบริดเผยโฉมแล้วในชื่อ Bugatti Tourbillon (บูกัตตี ตูร์บิยง)
แบรนด์ Bugatti ได้พลิกโฉมโลกแห่งความเร็ว และความหรูหราของวงการยานยนต์ด้วย Bugatti Veyron (เวย์รน) ไฮเพอร์คาร์ที่มาพร้อมพละกำลังถึง 1,001 แรงม้า เป็นรถสมรรถนะสูงมีกำลังมากกว่า 1,000 แรงม้า ที่สามารถใช้งานบนถนนได้จริง นำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาถึงรุ่น Bugatti Chiron (ชีรน) ที่ยังคงสานต่อตำนานเครื่องยนต์ 8.0 ลิตร W16 หัวใจสำคัญที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก
ด้วยความสำเร็จทางวิศวกรรมกว่า 20 ปีที่ Bugatti คิดค้นไฮเพอร์คาร์หลากหลายรุ่นมาสู่สายตาคนทั้งโลก ในปีนี้ Bugatti ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่กับ Bugatti Tourbillon มันคือรถยนต์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นผู้สืบทอดต่อจาก Veyron และ Chiron จากรูปลักษณ์ได้การพัฒนาใหม่ทั้งหมด แต่ยังมีรายละเอียดจาก Bugatti รุ่นก่อน เช่น Type 57 SC Atlantic, Type 41 Royale และ Type 35 แฝงอยู่ในส่วนต่างๆ อย่างลงตัว
Frank Heyl ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ Bugatti ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ Tourbillon หมายถึง “วงโคจร” ในภาษาฝรั่งเศส มาพร้อมภายนอกอันล้ำสมัย ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ LED โฉบเฉี่ยวตามหลักอากาศพลศาสตร์ คงเอกลักษณ์ด้วยดีไซจ์นในอดีตจากกระจังหน้ารูปทรงไข่ (Egg Curved) แต่เพิ่มความลู่ลมและโฉบเฉียวให้มากขึ้นจนกลายเป็นทรงเกือกม้า (Bugatti horseshoe grille) และเส้นโค้งด้านข้างรูปตัว C-Line โครงคาร์บอนไฟเบอร์โมโนคอก (Carbon Fiber Monocoque) จุดค้ำยันโครงสร้างที่ใช้เทคโนโลยี 3D printing น้ำหนักเบา ประตูเปิดแบบ Dihedral Butterfly doors สยายปีกออกให้ตัวรถสวยงามเหนือจินตนาการ ไม่ใช่ในปัจจุบันแต่ยังคงงดงามชั่วนิรันดร์
รายละเอียดภายในดูหรูหรา และผสานเข้ากับเทคโนโลยีในเวลาเดียวกัน แผงหน้าปัดแบบแอนาลอก Skeleton Gauges ที่ถูกยึดติดฐานพวงมาลัย ทำให้ขณะหมุนพวงมาลัย แผงมาตรวัด และตราสัญลักษณ์ EB ย่อมาจาก Ettore Bugatti ผู้ก่อตั้งของ Bugatti จะอยู่ตั้งตรงกับที่ตลอดเวลา และหน้าปัดไททาเนียม แซฟไฟร์ คริสตัล และทับทิม ได้รับอิทธิพล และแรงบันดาลใจจากกลไกของนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลก ออกแบบร่วมกับผู้ผลิตนาฬิกาสวิทเซอร์แลนด์ เป็นรายละเอียดความประณีตที่ได้เห็นอยู่ในรถยนต์ Bugatti Tourbillon เท่านั้น
อีกหนึ่งจุดเด่นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ Tourbillon นั่นคือ จะไม่มีการใช้เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ W16 ในรถ Bugatti อีกต่อไป แต่จะใช้เครื่องยนต์แบบ V16 ขนาด 8.3 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ที่พัฒนาร่วมกับ Cosworth ซึ่งผลิตกำลังได้ 1,000 แรงม้า แรงบิด 900 นิวทันเมตร เร่งรอบได้สูงสูด 9,000 รตน. ส่งผ่านเกียร์ Longitudinal คลัทช์คู่ 8 จังหวะ ผสานเข้ากับแบทเตอรีความจุขนาด 24.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง กำลังสูงสุด 800 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยน้ำ ถูกติดตั้งอยู่ในอุโมงค์กลาง และด้านหลังผู้โดยสาร โดยใช้โหมดขับขี่ไฟฟ้าล้วน (EV) สามารถวิ่งได้มากกว่า 60 กม.
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ทำให้ Bugatti Tourbillon มีพละกำลังรวมของระบบ Hybrid อย่างมหาศาลอยู่ที่ 1,775 แรงม้า สามารถทำความเร็วที่ 0-100 กม./ชม. ได้ในไม่ต่ำกว่า 2 วินาที และความเร็วสูงสุดของรถถูกจำกัดไว้ที่ 380 กม./ชม. แต่ถ้ายังไม่สะใจพอ ตัวรถสามารถปลดลอคความเร็วไปถึง 445 กม./ชม. ได้ด้วย Speed Key
การผลิตไฮเพอร์คาร์รุ่นล่าสุดของ Bugatti นั้นจำกัดจำนวนเพียงแค่ 250 คันทั่วโลก ที่โรงงานในเมืองมอลไซม์ ประเทศฝรั่งเศส โดยสนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,800,000 ยูโร หรือเกือบประมาณ 150 ล้านบาท ไม่รวมภาษีนำเข้า และจะเริ่มส่งมอบในปี 2026 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ที่สามารถครอบครองเจ้า Bugatti Tourbillon จะต้องมีประวัติการซื้อ Bugatti หรือไฮเพอร์คาร์ในเครือ Volkswagen ก่อนหน้าถึงจะมีสิทธิ์สั่งจองได้ และปัจจุบันคิวจองเต็มจากมหาเศรษฐีทั่วโลกไปเป็นที่เรียบร้อย
เรียกได้ว่า Bugatti Tourbillon เกิดมาเพื่อเขย่าวงการไฮเพอร์คาร์ พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก ด้วยจุดแข็งนวัตกรรม และเทคโนโลยีอันโดดเด่น เป็นรถยนต์สมรรถนะสูงจากประเทศฝรั่งเศส ที่ไม่เพียงแค่พัฒนาเทคโนโลยีให้เหนือกว่าด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ยังคงรักษาตัวตนของบรรพบุรุษ และประสบการณ์กว่า 100 ปี ในการพัฒนารถระดับสูงไว้อย่างชัดเจน