ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า RUF Automobile ผู้เชี่ยวชาญการผลิต Porsche ในเวอร์ชันของตัวเอง และมีประวัติความเป็นมายาวนาน ตั้งแต่ปี 2506 ทั้งยังไม่เคยสร้างรถสำหรับทางฝุ่นมาก่อน
RUF ต้องยอมเปลี่ยนมาผลิตรถวิ่งทางฝุ่น หลังจากค่ายซูเพอร์คาร์ระดับหัวแถวเริ่มหันมามองตลาดกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น Lamborghini Sterrato หรือ Porsche 911 Dakar โดย RUF ผลิตรุ่นสำหรับทางฝุ่น โดยใช้ชื่อว่า Rodeo
RUF นำ Rodeo เข้าร่วมแสดงในงาน The Quail Motorsports Gathering ที่เมืองคาร์เมล, แคลิฟอร์เนีย Rodeo มีที่มาจากการพัฒนารถแนวคิดของ RUF เมื่อปี 2563 ด้วยชื่อเดียวกัน โดยรถคันที่จอดแสดงในงานเป็นเวอร์ชันผลิตจำหน่าย ใช้โครงสร้างหลักแบบโมโนคอก ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่ง RUF เป็นผู้ผลิต และได้รับการปรับแต่งเพื่อให้วิ่งในทะเลทรายได้
RUF Rodeo ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (All-Wheel-Drive System) มีการออกแบบด้านวิศวกรรมทีมงานของ RUF โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกการกระจายพลังขับเคลื่อนได้อย่างอิสระ เพื่อให้เหมาะสมตามสภาพเส้นทาง ทั้งยังสามารถเลือกโหมดระบบขับเคลื่อน โดยควบคุมผ่านจอภาพที่คอนโซลกลาง
ขุมพลังยังเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบนอนยัน เทอร์โบ ความจุ 3.6 ลิตร ให้กำลัง 448 กิโลวัตต์/610 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 699 นิวทันเมตร/71.3 กก.ม. ระบบรองรับใช้ชอคอับปรับไฟฟ้าแปรผันตามโหมดขับขี่ โดยมีจุดต่ำสุดของพื้นรถถึง 9.5 นิ้ว (ประมาณ 24 ซม.)
ระบบเบรคจานคาร์บอนเซรามิคทั้ง 4 ล้อ ใช้ยางขนาด 235/55R18 ของ Goodyear All-Terrain พร้อมโลโก RUF ตัวนูนที่แก้มยาง โดยตัวรถมีน้ำหนักเพียง 2,756 ปอนด์ (ประมาณ 1,250 กก.) ซึ่งเกิดจากการผสมผสานที่ลงตัว และจะให้ประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางบนเส้นทางทุรกันดาร
ห้องโดยสารออกแบบสไตล์ฝั่งตะวันตกยุคเก่าของสหรัฐอเมริกา ทั้งลวดลาย และสีสัน ตั้งแต่เบาะนั่ง, แดชบอร์ด, แผงประตู และผ้าบุเพดาน การตัดเย็บหนังผ่านการผลิตอย่างประณีตจากเมือง Pfaffenhausen พร้อมคำรับรองจาก RUF ว่า "Do Anything, Go Anywhere" (ทำได้ทุกอย่าง ไปได้ทุกที่)
RUF สร้างสรรค์รถที่ย้อนรำลึกถึงฝั่งตะวันตกยุคเก่าของสหรัฐอเมริกา โดยใช้ Rodeo เป็นสื่อเชื่อมโยงเทคโนโลยียุคใหม่ที่เดินทางไปได้ทุกที่ เข้ากับความงดงามของภูมิประเทศ ด้วยการขับขี่ที่สนุกสนาน