รถล่าสุด
Nissan Serena e-Power แรงแบบรถไฟฟ้า ประหยัดอย่างไฮบริด
Nissan Serena e-Power (นิสสัน เซเรนา อี-เพาเวอร์) ใหม่
เด่นสะดุดตา ด้วยกระจังหน้าแบบ Next Generation V-Motion เทคโนโลยี e-Power ที่ขับสนุกเช่นเดียวกับรถไฟฟ้า 100% ภายใต้แนวคิด “Big. Easy. Fun.”
Nissan Serena e-Power ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์ MPV ขนาดกลาง 7 ที่นั่งอันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น (No.1 Japan’s mid-size MPV)
รูปทรงโฉบ เฉี่ยว และปราดเปรียว ยังช่วยลด สัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd.) ส่ง ผลต่อเสียงรบกวนที่ลดลงเมื่อขับขี่ด้วย ความเร็วสูงได้อีกด้วย
โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบใหม่ของ Nissan สะดุดตายิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่สีดำเงา พร้อมแถบโครเมียมดีไซน์แบบ Next Generation V-Motion เรียบหรู ทันสมัย
กันชนหน้า และหลังออกแบบให้เป็นสเกิร์ตล่างในตัว
ไฟหน้า และหลัง เป็นแบบ Full LED ที่ออกแบบได้อย่างกลมกลืนกับดีไซน์รถโดยรวม และดูล้ำสมัย
มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว สีทูโทนในดีไซน์ใหม่
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบใหม่ ปุ่มกดต่างๆ บนแผงหน้าปัด ใช้งานได้ง่าย หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ความละเอียดสูง ให้ภาพคมชัด พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ และเลือกการแสดงผลได้ 2 รูปแบบ รวมทั้งยังมีปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitoring (IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง เพิ่มความปลอดภัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
e-Power แรงแบบรถไฟฟ้า ประหยัดอย่างไฮบริด
เทคโนโลยี e-Power ของ Nissan ที่ติดตั้งใน Nissan Serena e-Power ใหม่ ประกอบด้วยชุดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 120 กิโลวัตต์ / 163 แรงม้า ให้แรงบิด 315 นิวตันเมตร สามารถออกตัวได้เร็ว เร่งแซงได้อย่างทันใจ โดยไม่ต้องรอรอบ แบบเดียวกับรถไฟฟ้า 100% มาพร้อมแบทเตอรีลิเธียมไอออนขนาด 1.77 kWH ขณะที่เครื่องยนต์เบนซินใหม่รหัส HR14DDe ขนาดความจุ 1,400 ซีซี 3 สูบ แบบหัวฉีดไดเรคอินเจคชัน รองรับน้ำมัน E10 ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Mirror Bore Coating ยังช่วยลดแรงเสียดทาน และลดเสียงจากการสั่นสะเทือน ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบและเงียบมากขึ้น ให้การเดินทางที่ราบรื่น นุ่มนวล มีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อย และห้องโดยสารเงียบกว่ารถยนต์แบบเดิมๆ
Nissan Serena e-Power ใหม่ ยังติดตั้งระบบ e-Pedal Step ให้ความสะดวกในการเร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว ในขณะเดียวกันการขับขี่ด้วย e-Pedal Step สามารถช่วยชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบทเตอรีได้ดียิ่งขึ้น
Nissan Serena e-Power มีปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ที่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการโยกคันเกียร์ และมีไฟเรืองแสงช่วยให้เห็นชัดเจนในที่มืด รวมถึง N Hold Mode ที่ทำให้สามารถเข็นรถได้ง่ายเมื่อจอด ให้ความสะดวกเมื่อต้องจอดซ้อนคัน รวมถึงเบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold
Nissan Serena e-Power มีรูปแบบการขับขี่ 3 โหมดหลัก ได้แก่ Standard Mode ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด Sport Mode ที่เน้นการตอบสนองรวดเร็ว ขับสนุกสไตล์สปอร์ท และ Eco Mode ที่เน้นการประหยัดพลังงาน ให้การขับขี่นุ่มนวล โดยมี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV Mode ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจนกว่าแบทเตอรีจะอยู่ในระดับต่ำ
Nissan Serena e-Power ติดตั้งระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม คอยล์สปริง โดยนิสสันได้พัฒนาระบบกันสะเทือน ทั้งชิ้นส่วนต่างๆ และเหล็กกันโคลง ให้แข็งแรงมากขึ้น มีชอคอัพแบบใหม่ นุ่มนวลเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ทรงตัวดีเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง เข้าโค้งได้แม่นยำมากขึ้น ควบคุมการทรงตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น นั่งสบายมากขึ้น ตลอดจนให้ความมั่นใจในด้านความปลอดภัยกับระบบจานเบรกหน้า และหลัง ที่มาพร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
Nissan Serena e-Power ใหม่ ยังคงรักษาแนวคิดผลิตภัณฑ์ Big. Easy. Fun. เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ส่งผ่านจากรุ่นต่อรุ่น และทำให้ Nissan Serena e-Power เป็น MPV ขนาดกะทัดรัดที่ได้รับความนิยมทั้งในญี่ปุ่น และตลาดอื่นๆ ตลอดมา
Big:
Nissan Serena e-Power ใหม่ มีห้องโดยสารที่กว้างขวางมากที่สุดในกลุ่มรถแบบเดียวกัน มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารทุกคนในที่นั่งทั้ง 3 แถว
ในที่นั่งแถวที่ 2 เป็นที่นั่งแบบ Captain seat ที่มีพื้นที่วางขามากขึ้น เบาะที่นั่งสามารถปรับได้อิสระ 4 ทิศทาง (เลื่อนหน้า-หลัง ซ้าย-ขวา) และแยกออกจากกันได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ระหว่างที่นั่ง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวก
ส่วนแถวที่ 3 รองรับ 3 ที่นั่ง เบาะมีความหนานั่งสบาย สามารถปรับพนักพิงให้เอนราบได้ รวมถึงปรับเลื่อนได้อย่างอิสระ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทาง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ทางด้านหลังโดยยังคงมีพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายในเบาะที่นั่งแถว 3 แต่ก็พับเบาะนั่งเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังได้อีกด้วย
กระจกบานใหญ่รอบคันทั้งกระจกหน้า และหน้าต่างด้านข้าง ให้ทัศนวิสัยรอบด้านที่ดี รวมทั้งให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง ช่วยลดอาการเมารถ ให้ความเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ด้านนอกได้เต็มที่ แม้จะมีกระจกบานใหญ่รอบคัน แต่ไม่ร้อน เพราะหน้าต่างผู้โดยสารตอนหลังเป็นแบบ UV Cut ช่วยลดความร้อน และรังสี UV ให้ความสบายแก่ผู้โดยสารทุกที่นั่งแม้ขับขี่ในเมืองร้อนที่มีแสงแดดจ้า นอกจากนี้ กระจกบานหน้า และหน้าต่างประตูคู่หน้า ยังเป็นแบบ Acoustic Glass หนา 2 ชั้น ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ห้องโดยสารเงียบเพิ่มความสุนทรีย์สำหรับผู้โดยสารทุกคนตลอดเส้นทาง
ตัวรถกว้างและสูง ทำให้ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวาง เก็บของได้มากโดยไม่ต้องพับเบาะหลัง แต่หากต้องการขนสัมภาระขนาดใหญ่ ก็สามารถพับเบาะได้ รวมทั้งยังมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้พื้นพร้อมแผ่นปิดเพื่อความเรียบร้อย
Easy.
Nissan Serena ใหม่ e-Power ยังคงรักษาจุดเด่นด้านการใช้งานได้ง่ายสำหรับทุกคน ด้วยประตูสไลด์อัตโนมัติแบบแฮนด์ฟรีทั้ง 2 ด้าน โดยสามารถควบคุมการเปิด-ปิด ได้จากสวิทช์ควบคุมในตำแหน่งต่างๆ เพื่อความสะดวกของทุกคนในทุกสถานการณ์ อาทิ เซนเซอร์แฮนด์ฟรีที่เพียงยื่นเท้าไปที่เซนเซอร์บริเวณเสากลาง ประตูรถจะเลื่อนเปิดอัตโนมัติให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารเต็มที่แม้จะถือของเต็มทั้ง 2 มือ หรือ จากสวิทช์ที่บริเวณแถวที่นั่งแถวที่ 3 เป็นต้น
Nissan Serena e-Power เพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อาทิ ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด ช่องชาร์จ USB ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งหมด 6 จุด (5 USB-C, 1 USB-A) และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย 1 ตำแหน่ง โต๊ะเล็กอเนกประสงค์ในแถวที่ 2 และ 3 สำหรับวางสิ่งของ เช่น กล่องอาหาร หรือ แทบเลตสำหรับเพิ่มความบันเทิงระหว่างการเดินทาง รวมถึงไฟ Ambient Light สร้างบรรยากาศที่บริเวณประตูสไลด์
Nissan Serena e-Power ใหม่ มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยก 3 โซน ที่สามารถปรับอุณหภูมิสำหรับแต่ละโซนได้ตามต้องการ รวมทั้งม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2 นอกจากนี้ยังมีระบบฟอกอากาศแบบ Plasmacluster ที่จะปล่อยอนุภาคขนาดเล็กออกมาเพื่อดักจับแบคทีเรียในอากาศ ฝุ่น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ในห้องโดยสารได้อีกด้วย
ฝาท้ายอเนกประสงค์แบบ Dual Back Door หนึ่งเดียวในตลาด MPV ยังคงเป็นจุดเด่นของ Nissan Serena e-Power ใหม่ ที่ให้ความสะดวกสูงสุด บานประตูน้ำหนักเบา เปิดได้ง่ายทั้งแบบเต็มบาน หรือครึ่งบาน จึงสามารถเปิดฝาท้ายได้แม้จอดชิดด้านหลัง ช่วยให้สัมภาระไม่หล่นลงจากท้ายรถขณะเปิดปิด
Fun.
Nissan Serena e-Power ใหม่ ยังคงให้ความสนุก และอิสระในการปรับเบาะที่นั่งภายในรถได้ถึง 13 รูปแบบ อาทิ โหมดขนกระเป๋า หรือสัมภาระชิ้นยาวอย่างถุงกอล์ฟ โหมดเพิ่มพื้นที่ช่วงขา โดยปรับเลื่อนที่นั่งแถว 2 และ 3 ไปด้านหลัง เพิ่มพื้นที่ขา เช่น โหมด “travel-to-the-sea” ที่บรรจุสัมภาระและอุปกรณ์เพื่อการเที่ยวทะเลได้อย่างจุใจ ด้วยการเลื่อนเบาะแถว 2 และ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางเซิร์ฟบอร์ด อุปกรณ์ดำน้ำ และกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของครอบครัว โหมดปรับเบาะที่นั่งแถว 2 และ 3 ราบ ให้กลายเป็นที่นั่งราบเหมือนห้องนั่งเล่นที่สมาชิกในครอบครัวจะนอนเล่นพักผ่อนกันได้ อย่าง โหมด “Fun-at-the-back” เป็นต้น อิสระในการปรับรูปแบบที่นั่งที่หลากหลาย
ความปลอดภัยเต็มพิกัด
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงรอบคัน 360° Nissan Safety Shield ครบครันที่มาพร้อมทั้งระบบ Active Safety ช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ช่วยส่งสัญญาณเตือนป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ และ Passive Safety ที่ช่วยให้การปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ให้ความมั่นใจในทุกการเดินทาง
เทคโนโลยี 360° Nissan Safety Shield ให้การปกป้องเต็มที่
ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าหรือ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ที่สามารถตรวจจับรถยนต์ด้านหน้าได้ถึง 2 คัน โดยเมื่อรถคันหน้ามีการเบรกที่เสี่ยงต่อการชน ระบบจะเตือนผู้ขับให้ทราบล่วงหน้า แม้จะมองไม่เห็นแต่ผู้ขับจะสามารถเบรกหรือหลบหลีกได้ทัน จึงช่วยลดอุบัติเหตุชนท้ายได้ดีขึ้น
ระบบเบรกฉุกเฉินหรือ Intelligent Forward Emergency Braking (IEB) ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนด้านหน้า
ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) แจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถอื่นเข้ามาในจุดอับสายตา ไฟเตือนที่กระจกมองข้างที่ออกแบบใหม่จะสว่างขึ้น และจะกะพริบพร้อมส่งเสียงเตือนหากมีการเปิดไฟเลี้ยว
ระบบ Intelligent Blind Spot Intervention (IBSI) ทำงานเมื่อรถออกนอกช่องทางขณะระบบ BSW กำลังเตือน พวงมาลัยจะขยับเพื่อคุมรถให้กลับเข้าช่องทางเดิม โดยผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดระบบ IBSI หลังสตาร์ทรถเพื่อเปิดการใช้งาน
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย หรือ Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ช่วยปกป้องให้ความปลอดภัยเมื่อถอยหลังออกจากช่องจอด โดยจะมีสัญญาณแบบใหม่เตือนบนกระจกมองข้าง พร้อมเสียงเตือน เมื่อพบว่ามีรถหรือคนกำลังเข้ามาใกล้ขณะที่เริ่มถอยหลัง
ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) จะส่งเสียงเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
ระบบ Intelligent Lane Intervention (ILI) เมื่อรถออกนอกช่องทางขณะที่ ระบบ LDW กำลังเตือน พวงมาลัยจะขยับเพื่อคุมรถให้กลับเข้าช่องทางเดิม โดยผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเปิดระบบ ILI หลังสตาร์ทรถเพื่อเปิดการใช้งาน
ระบบ Intelligent Cruise Control (ICC) ล็อกความเร็วอัตโนมัติได้ตั้งแต่ความเร็ว 30 กม./ชม. ขึ้นไป และจะปรับความเร็วตามรถคันหน้าอัตโนมัติ รวมทั้งรักษาระยะห่างจากคันหน้าตามที่ผู้ขับตั้งไว้
ระบบ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) กระจกมองหลังอัจฉริยะ จะแสดงภาพที่ส่งมาจากกล้องที่ติดตั้งบนกระจกบานหลัง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นด้านหลังตลอดเวลา ไม่ถูกผู้โดยสารหรือสัมภาระขนาดใหญ่ท้ายรถบดบังการมองเห็น
สัญญาณหยุดฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน หรือ Emergency Stop Signal (ESS) ไฟเบรกท้ายและไฟเลี้ยวหลังจะกะพริบทันทีเมื่อเหยียบเบรกกะทันหัน
ระบบ High Beam Assist (HBA) เปิดไฟสูงอัตโนมัติ และปรับเป็นไฟต่ำเมื่อพบแสงไฟจากด้านหน้า เพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่กลางคืน
กล้องมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อมระบบตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหว Moving Object Detection (MOD) ที่ให้มุมมองจากด้านบน เห็นสภาพถนน และการจราจรรอบคัน และเตือนผู้ขับขี่เมื่อตรวจพบวัตถุเคลื่อนที่รอบคัน
ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA) ที่ติดตามและคอยเตือนให้ผู้ขับขี่หยุดพักเมื่อเริ่มเหนื่อยหรือล้า
ระบบ Passive Safety ยกระดับความปลอดภัยสูงสุด
ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุด ที่ คู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง (บริเวณเบาะนั่งแถวสอง)
เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับเพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ
ระบบป้องกันล้อล็อก (Anti-Lock Braking System – ABS)
ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Brakeforce Distribution – EBD) และระบบช่วยเบรก (Brake Assist - BA)
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control - VDC)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System - TCS)
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาด (Hill Start Assist - HSA)
ระบบเสียงเตือนคนเดินถนน (Vehicle Sound for Pedestrian -VSP)
ระบบลอครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทออกห่างจากรถ (Walk-Away Door Lock) พร้อมระบบปลด ล็อกอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทเข้าใกล้ตัวรถ (Approach Unlock)
Nissan Serena e-Power รุ่น Highway Star ราคา 1,690,000 บาท
มีสีตัวถังภายนอกให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่
ฟ้าหลังคาดำ
ขาวหลังคาดำ
ขาว
ดำ
เทา
เงิน
