Lotus Emeya ชาร์จ 10-80 % เพียง 13 นาที ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด

ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า Lotus Emeya สร้างมาตรฐานใหม่ด้านประสิทธิภาพการชาร์จรถไฟฟ้า โดยรับกระแสชาร์จสูงสุด 443 กิโลวัตต์ จากการทดสอบอิสระโดย Lotus Al Ghanim ที่ประเทศคูเวต ด้วยระบบ ultra-fast charge กระแสตรง 450 กิโลวัตต์ของ Lotus ทำให้ Emeya ชาร์จ 10-80 % ได้ภายใน 13 นาที 35 วินาที ภายใต้สภาพร้อนจัด ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของการพัฒนารถไฟฟ้า Lotus ในอนาคต ด้วยระบบ ultra-high-power charging แม้อยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างฯ และลดพนักงานที่สำนักงานใหญ่ใน Hethel ก็ตาม

ประสิทธิภาพการชาร์จเร็วของ Lotus Emeya มาจากการใช้โครงสร้างแพคแบทเตอรีแบบ Cell-to-pack ทำให้เซลล์มีความหนาแน่นพลังงานสูงขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับระบบเดิม ทั้งมีระบบระบายความร้อนแบบใหม่จึงสามารถรักษาเสถียรภาพของอุณหภูมิ แม้ชาร์จด้วยพลังงานสูงอย่างต่อเนื่อง

สถาปัตยกรรม 800 โวลท์ ที่ใช้ร่วมกับ Lotus Eletre เพิ่มได้ทั้งความเร็วการชาร์จ และประสิทธิภาพโดยรวม ระบบชาร์จลดอุณหภูมิมากขึ้นจึงชาร์จเร็วได้บ่อยขึ้น ทั้งมีความสิ้นเปลืองพลังงานต่ำที่ 18.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. ภายใต้สภาพการใช้งานเหมาะสม เมื่อชาร์จเพียง 10 นาที จะสามารถเดินทางได้ 310 กม.

Lotus Emeya ปี 2026 มีระยะเดินทาง 610 กม. มาตรฐาน WLTP ซึ่งติดอันดับรถไฟฟ้าที่มีระยะเดินทางไกล และมีประสิทธิภาพสูงสุดในรถระดับเดียวกัน เป็นการตอกย้ำุถึงความโดดเด่นทั้งสมรรถนะ และการใช้งานในสภาพจริง ซึ่งเป็นปรัชญาด้านวิศวกรรมที่แม่นยำของ Lotus ทุกรุ่น

Lotus กำลังขยายเครือข่ายสถานีชาร์จกระแสตรง 450 กิโลวัตต์ ทั่วยุโรป โดยเริ่มจากเยอรมนี และขยายสู่ตลาดอื่นต่อไป ทั้งการสร้างระบบนิเวศน์ผ่านแอพพลิเคชัน Lotus Cars และระบบปฏิบัติการ Lotus HyperOS ที่มีระบบจัดการเส้นทางอัจฉริยะสำหรับรถไฟฟ้า, วางแผนการเดินทางให้เหมาะกับพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จสูงสุดแบบเรียลไทม์

นอกจากนั้น ยังสนับสนุนกลยุทธ์ระบบส่งกำลังหลายระบบของบริษัท รวมถึง Emira ระบบพลัก-อิน ไฮบริดที่กำลังจะเปิดตัว เป็นการสร้างสมดุลระหว่างรถไฟฟ้าในอนาคตเข้ากับระบบส่งกำลังอื่น

ความสามารถรับกระแสชาร์จถึง 443 กิโลวัตต์ ทำให้ Emeya ก้าวสู่แถวหน้าของรถไฟฟ้าสมรรถนะสูงในสภาพการใช้งานจริง หากเครือข่ายสถานีชาร์จทั่วโลกได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น การชาร์จเร็วจะเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้การเดินทางไกลใช้เวลาน้อยลง และรถไฟฟ้าใช้แบทเตอรีขนาดใหญ่มีความคุ้มค่ามากขึ้น