ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของยักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ คือ รถแนวคิดติดป้ายชื่อ เรอโนลต์ ซิมบีอซ (RENAULT SYMBIOZ) ซึ่งปรากฏตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ครั้งที่ 67 เมื่อกลางเดือนกันยายน 2017 และผู้รังสรรค์กำหนดแผนงานไว้ว่า ภายในปี 2023 DEMO CAR หรือรถสาธิตที่สร้างขึ้นตามแบบของรถแนวคิดนี้จะเสร็จสมบูรณ์ และไม่เกิน 7 ปี หลังจากนั้น คือ ภายในปี 2030 ก็จะมีรถอย่างนี้แต่หน้าตาอาจไม่เหมือนนี้วิ่งอยู่ตามท้องถนน ?เป็นรถที่ทีมงานของค่ายยักษ์ใหญ่รังสรรค์ขึ้น เพื่ออวดวิสัยทัศน์ต่อยานยนต์ในอนาคต รวมทั้งบทบาทของมันต่อผู้คน ทั้งขณะที่นั่งอยู่ในรถและขณะที่อยู่นอกรถ ตัวถังยาว 4.700 ม. กว้าง 1.980 ม. สูง 1.350 ม. มีจุดสะดุดตาสะดุดใจและลูกล่อลูกเล่นมากมาย รวมทั้งประตูข้างที่มีระบบเปิด/ปิดแบบพิสดารดังที่เห็นในภาพประกอบ คือ ส่วนบนเป็นประตูบานเดียวที่เปิด/ปิดแบบปีกนก แต่ส่วนล่างเป็นประตู 2 บานที่เปิดแยกจากกันแบบประตูตู้กับข้าว กล่าวโดยสรุป ส่วนบน และส่วนล่างของตัวถังมีลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน จนน่าจะกล่าวได้ว่า นี่คือ นวัตกรรมใหม่ของการออกแบบตัวถังภายนอก ส่วนภายในห้องโดยสารที่นั่งได้รวม 4 คน ก็ออกแบบเหมือนห้องพักผ่อนนั่งเล่นในบ้าน วัสดุ และการตกแต่งต่างๆ ก็เหมือนกับที่ทำอยู่ในบ้าน ด้วยเหตุดังที่กล่าวข้างต้น เมื่ออยู่บนถนนรถแนวคิดคันนี้จึงมีลักษณะเป็นยานยนต์ที่วิ่งได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ขับ อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า AUTONOMOUS DRIVE และปลอดไอพิษเพราะใช้ระบบขับด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ไม่มีการติดตั้งเครื่องยนต์ใดๆ แต่เมื่อจอดอยู่ในบ้าน รถแนวคิดคันนี้ก็จะกลายสภาพเป็นห้องพิเศษห้องหนึ่ง ที่ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ เป็นห้องนั่งพักผ่อนก็ได้ เป็นห้องทำงานก็ยังได้ ระบบขับเคลื่อนปลอดไอพิษและไม่ต้องมีผู้ขับที่กล่าวข้างต้น ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ชุดหนึ่งขับล้อหลังข้างขวา อีกชุดหนึ่งขับล้อหลังข้างซ้าย ให้กำลังสุทธิสูงสุดที่สูงถึง 500 กิโลวัตต์/680 แรงม้า ส่วนอุปกรณ์ป้อนพลังไฟเป็นแบทเตอรีขนาด 72 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งชาร์จไฟแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลกว่า 500 กม. และทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 6 วินาที แบทเตอรีที่กล่าวนี้ใช้เวลาเพียง 20 นาที เมื่อชาร์จไฟแบบเร่งด่วน (QUICK CHARGE) ซึ่งได้ปริมาณไฟฟ้าร้อยละ 80 เมื่อจอดอยู่ในบ้าน ระบบไฟฟ้าในตัวรถจะเชื่อมโยงเข้ากับระบบไฟฟ้าในบ้าน และทำงานร่วมกันโดยอัตโนมัติ กรณีไม่มีแผนที่จะเดินทางภายใน 48 ชั่วโมง ระบบจะรักษาปริมาณไฟฟ้าในตัวรถที่ระดับต่ำ (เพียงพอสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆ เท่านั้น) หากมีแผนจะใช้รถในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ในคืนวันศุกร์ ระบบก็จะชาร์จไฟเข้าแบทเตอรีของรถอย่างเต็มที่ นอก จากนั้นยังสามารถตั้งพโรแกรมเป็นระบบไฟฟ้าสำรอง กรณีฉุกเฉิน เช่น เกิดไฟฟ้าดับอย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า BLACKOUT แบทเตอรีในตัวรถจะจ่ายไฟฟ้าให้กับระบบส่องสว่างและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้านเป็นการชั่วคราวโดยอัตโนมัติ
บทความแนะนำ