รถแบบที่ 2 ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังใน “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ ก็เป็นผลงานของผู้ผลิตรถสปอร์ทที่หันมาทำเงิน กับการผลิตรถกิจกรรมกลางแจ้งควบคู่ กับการผลิตรถสปอร์ทเช่นกัน คือ ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองมะกะโรนีที่รู้จักกันในชื่อ ลัมโบร์กินี (LAMBORGHINI)ขณะนี้เจ้าของเครื่องหมาย การค้า “กระทิงดุ” ซึ่งเริ่มกิจการเมื่อปี 1963 มีผลิตภัณฑ์รถยนต์ให้ลูกค้าที่มีเงินและใจถึงเลือกใช้ได้เพียง 3 อนุกรม แยกเป็น เอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง 1 อนุกรม คือ รถสุดหรู ติดป้ายชื่อ ลัมโบร์กินี อูรุส (LAMBORGHINI URUS) ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในอิตาลี เมื่อเดือนธันวาคม 2017 พร้อมคำประกาศสรรพคุณว่าเป็น THE WORLD’S FIRST SUPER SPORT UTILITY VEHICLE หรือ “รถเอสยูวี ระดับซูเพอร์แบบแรกของโลก” และเป็นรถสปอร์ท ระดับซูเพอร์คาร์ 2 อนุกรม คือ ลัม-โบร์กินี อูรากัน (LAMBORGHINI HURACAN) ซึ่งเริ่มเข้าสู่สายการผลิตในเมืองมะกะโรนี เมื่อต้นปี 2014 แทนที่รถ ลัมโบร์กินี กัลญาร์โด (LAMBORGHINI GALLARDO) กับรถประตูปีกนก ลัมโบร์กินี อเวนตาโดร์ (LAMBORGHINI AVENTADOR) ซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อต้นปี 2011 แทนที่รถ ลัมโบร์กินี มูร์ซีเอลาโก (LAMBORGHINI MURCIELAGO) ส่วนรถติดป้ายชื่อ ลัมโบร์กินี อูรากัน เอโว (LAMBORGHINI HURACAN EVO) ที่กำลังอวดรูปโฉมอยู่นี้เป็นพัฒนาการล่าสุดของรถ ลัมโบร์กินี อูรากัน (LAMBORGHINI HURACAN) เป็นรถโมเดลใหม่ล่าสุด และเชื่อกันว่าน่าจะเป็นโมเดลสุดท้ายของรถอนุกรมนี้ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรถโมเดลใหม่ ซึ่งว่ากันว่าจะเปลี่ยนระบบขับจากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินเป็นขับด้วยระบบไฮบริด เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนมกราคมที่เพิ่งผ่านพ้นไป ในตัวถังยาว 4.520 ม. กว้าง 1.933 ม. และสูง 1.165 ม. ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างจากรถโมเดลอื่นๆ ที่มีอยู่ก่อนแล้วหลายจุด และส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเพื่อผลลัพธ์ทางอากาศพลศาสตร์ ตัวอย่าง คือ กันชนหน้าที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด และมีช่องดักลมขนาดโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท่อไอเสียแบบคู่ที่ออกแบบใหม่ และติดตั้งในตำแหน่งที่อยู่สูงกว่าเดิม สปอยเลอร์ท้ายซึ่งก็ออกแบบขึ้นใหม่เช่นกัน และช่วยให้แรงต้านอากาศ กับแรงกดท้ายรถมีสมดุลดีขึ้น ฯลฯ ส่วนเครื่องยนต์ซึ่งติดตั้งในลักษณะ “วางกลางลำ/ตามยาว” ยกชุดมาจากรถ ลัมโบร์กินี อูรากัน แปร์โฟร์มันเต คูเป (LAMBORGHINI HURACAN PERFORMANTE COUPE) ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นโมเดลที่แรง และเร็วที่สุดของรถอนุกรมนี้ คือ เครื่องเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 10 สูบ 90 องศา ความจุ 5,204 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 470 กิโล-วัตต์/640 แรงม้า ที่ 8,000 รตน. ให้แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร/61.2 กก.-ม. ที่ 6,500 รตน. และส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อคู่หน้า และคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ สมรรถนะความเร็วตามตัวเลขของค่าย “กระทิงดุ” เห็นตัวเลขแล้วเกิดอาการเหมือนเป็นไข้ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.9 วินาที อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ก็ทำได้ในเวลาแค่ 9.0 วินาที ความเร็วสูงสุดไม่ระบุตัวเลขชัดเจน บอกเพียงว่าเร็วกว่า 325 กม./ชม. จึงต้องเดาเอาเองว่าเร็วกว่าเท่าไร ? ส่วนราคาค่าตัวบอกไว้ชัดเจนว่า ค่าตัวยังไม่รวมภาษีของรถที่ซื้อขายกันในยุโรป คือ 184,034 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 7.000 ล้านบาทไทย และบอกด้วยว่าลูกค้ารายแรกจะได้รับรถในฤดูใบไม้ผลิของปีหมูทองร้องจ๊ากนี้