ยักษ์ใหญ่ RENAULT (เรอโนลต์) เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเก่าแก่อีกรายหนึ่งของฝรั่งเศส ที่ไม่เคยทำรถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟมาก่อนเลย แม้ว่าทำรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ มาแล้วหลายรุ่นหลายแบบ ตัวอย่างของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่มีขายในเมืองน้ำหอมขณะนี้คือ RENAULT ZOE (เรอโนลต์ โซ) กับ RENAULT TWIZY (เรอโนลต์ ทวีซี) ต้องรอกันนานหน่อย คือ จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2020 นี่แหละ ผู้คนจึงมีโอกาสได้เห็นโฉมรถไฮบริดชนิดต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ 2 แบบแรกของค่ายนี้ คือ รถเก๋งตรวจการณ์ RENAULT MEGANE ESTATE E-TECH PLUG-IN HYBRID (เรอโนลต์ เมกาน เอสเตท อี-เทค พลัก-อิน ไฮบริด) กับรถกิจกรรมกลางแจ้ง RENAULT CAPTUR E-TECH PLUG-IN HYBRID (เรอโนลต์ กัปตือร์ อี-เทค พลัก-อิน ไฮบริด) ซึ่งกำลังจะนำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังนี้RENAULT CAPTUR (เรอโนลต์ กัปตือร์) เป็น SUBCOMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดที่พัฒนาต่อยอด และใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกับรถเก๋งแฮทช์แบค RENAULT CLIO (เรอโนลต์ กลีโอ) รุ่นปัจจุบันซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 มีตัวถังยาว 4.227 ม. กว้าง 1.797 ม. สูง 1.576 ม. และเป็นรถผลิตที่เมือง VALLADOLID (บัลญา-โดลิด) ในสเปน เพิ่งอวดตัวแบบ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนกันยายน 2019 และเริ่มจำหน่ายในเมืองน้ำหอมโดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์ที่ใช้ได้ทั้งเบนซิน และแกสธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง แต่ยังไม่มีระบบขับไฮบริด ทั้งชนิดต้องเสียบปลั๊ก และชนิดไม่ต้องเสียบปลั๊ก แรกเริ่มเดิมทียักษ์ใหญ่เมืองน้ำหอมตั้งใจจะนำรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก 2 แบบแรกนี้ ออกอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ “ครั้งแรกในโลก” ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งที่ 90 ซึ่งกำหนดจัดตอนต้นเดือนมีนาคม 2020 แต่พิษไวรัสทำให้งานดังกล่าวต้องล้มเลิก การเปิดตัวจึงต้องกระทำผ่านสื่อต่างๆ โดยที่ผู้คนยังไม่มีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริง เป็นรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊ก ในตัวถังแบบเดียวกัน และขนาดเดียวกันกับรถอนุกรมเดียวกันโมเดลอื่นๆ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,598 ซีซี 68 กิโล-วัตต์/92 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 49 กิโลวัตต์/67แรงม้า และระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง ได้กำลังสุทธิสูงสุด 117 กิโลวัตต์/160 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 10.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 173 กม./ชม. และเมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อ-เพลิงเฉลี่ย 1.5 ลิตร/100 กม. หรือ 66.7 กม./ลิตร กับมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต่ำมาก คือ 34-35 กรัม/กม. ส่วนอุปกรณ์ป้อนพลังไฟฟ้าเป็นแบทเตอรีขนาด 9.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งน้ำหนัก 105 กก. และใช้เวลาระหว่าง 3-5 ชั่วโมงในการชาร์จไฟ (เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับกระบวนการที่ใช้) การชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้งรถจะวิ่งด้วยพลังไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกล 50 กม. เมื่อวัดตามมาตรฐาน WLTP และจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 135 กม./ชม. มีรถให้เลือก 2 โมเดล โมเดลแรก คือ CAPTUR E-TECH PLUG-IN HYBRID INTENS ค่าตัวขายขาดรวมภาษีเริ่มต้นที่ 23,700 ยูโร (ประมาณ 830,000 บาท) หรือเช่าระยะยาวไม่น้อยกว่า 49 เดือน โดยจ่ายงวดแรก 9,400 ยูโร (ประมาณ 329,000 บาท) แล้วจ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 199 ยูโร (ประมาณ 7,000 บาท) อีกโมเดลซึ่งก็เช่าได้เช่นกัน คือ CAPTUR E-TECH PLUG-IN HYBRID INITIALE PARIS ค่าตัวเริ่มต้นที่ 30,600 ยูโร หรือประมาณ 1,071,000 บาทไทย