วิถีตลาดรถยนต์
11.9 คือ คำตอบสุดท้าย
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนธันวาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม -9.0 %
รถยนต์นั่ง -22.6 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) -14.5 %
กระบะ 1 ตัน +1.3 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +2.2 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-ธันวาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม +11.9 %
รถยนต์นั่ง +5.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +16.5 %
กระบะ 1 ตัน +15.6 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +9.0 %
ก่อนอื่นก็มาสรุปตัวเลขยอดจองรถยนต์ใหม่ป้ายแดงที่เกิดขึ้นในระหว่างการจัดงาน MOTOR EXPO งานกระตุ้นยอดขายรายการใหญ่ส่งท้ายปี ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา มียอดจองรถยนต์ใหม่รวมกันทั้งสิ้น 36,679 คัน เพิ่มขึ้น 16.1 % เมื่อเทียบกับปี 2564 รถยนต์ที่ได้รับความสนใจจับจองเป็นเจ้าของมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย TOYOTA (โตโยตา), HONDA (ฮอนดา), BYD (บีวายดี), ISUZU (อีซูซุ), NISSAN (นิสสัน), SUZUKI (ซูซูกิ), MG (เอมจี), MAZDA (มาซดา), GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) และ FORD (ฟอร์ด) สำหรับยอดผู้เข้าชมงานผ่านหลักล้านคน นี่ยังไม่นับรวมที่เข้าชมงานผ่านทางโลกออนไลน์
ด้วยตัวเลขยอดจองระดับนี้ หากเป็นปีที่ผ่านๆ มา ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เดือนธันวาคมจะต้องเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่สูงที่สุดในรอบปีอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่ในปี 2565 ปัญหาในเรื่องการผลิตที่ขาดแคลนชิ้นส่วนประกอบสำคัญอย่างเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันขาดเสียไม่ได้ ทำให้การผลิต และการส่งมอบ ไม่เป็นไปตามที่ควร รวมถึงปัญหาในเรื่องของอุทกภัยในบางพื้นที่ ทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เดือนธันวาคมนี้ จบลงอย่างไม่ค่อยจะสวยหรูสักเท่าไร ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว โรคภัยไข้เจ็บรุนแรงอย่างเจ้า COVID-19 ก็บรรเทาเบาบางลง จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น รวมไปถึงการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาท่องเที่ยว สร้างรายได้สร้างงานกันได้อย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงในเดือนธันวาคมนี้ ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับยอดจำหน่ายรวมทั้งปีสักเท่าไร เพราะตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่รวมทุกหมวดหมู่ทุกประเภทของปี 2565 ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของปี 2564 โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 11.9 %
สำหรับเดือนธันวาคม 2565 ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงมีรวมกันทั้งสิ้น 82,799 คัน ลดลง 9.0 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 TOYOTA มียอดจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จำหน่ายได้ 30,197 คัน เพิ่มขึ้น 11.2 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2564 มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 36.5 % อันดับ 2 ISUZU 18,216 คัน ลดลง 3.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 22.0 % อันดับ 3 HONDA 8,324 คัน ลดลง 28.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.1 % อันดับ 4 FORD จำหน่ายได้ 5,549 คัน เพิ่มขึ้น 34.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.7 % และอันดับ 5 MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) 4,204 คัน ลดลง 27.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 %
ปี 2565 มีการจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงรวมกันทั้งสิ้น 849,388 คัน เพิ่มขึ้น 11.9 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งปีของปี 2564 แชมพ์ยอดจำหน่ายสูงสุดยังคงเป็น TOYOTA โดยปี 2565 จำหน่ายรถยนต์ทุกรุ่นได้รวมกันทั้งสิ้น 288,809 คัน เทียบกับปี 2564 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 20.5 % มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 34.0 % รองแชมพ์เป็น ISUZU จำหน่ายได้รวมทั้งสิ้น 212,491 คัน เพิ่มขึ้น 15.4 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งการตลาด 25.0 % จำหน่ายได้มากที่สุดอันดับ 3 เป็น HONDA ด้วยยอด 82,842 คัน ลดลง 6.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 9.8 % อันดับ 4 MITSUBISHI 50,385 คัน เพิ่มขึ้น 6.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.9 % และอันดับ 5 FORD 43,628 คัน เพิ่มขึ้นถึง 34.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.1 %
ในส่วนของรถกระบะ หรือพิคอัพ 1 ตัน เป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ตลาดเดียวที่ไม่โดนผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ เท่าใดนัก เดือนธันวาคม 2565 มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 43,322 คัน เทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายเดือนธันวาคม 2564 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 1.3 % โดย TOYOTA ทำยอดจำหน่ายได้มากที่สุดอีกครั้งหนึ่ง โดยจำหน่ายไปได้ทั้งสิ้น 18,083 คัน เทียบกับเดือนธันวาคม 2564 แล้วเพิ่มสูงขึ้น 8.1 % ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 41.7 % ISUZU จำหน่ายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยยอด 16,638 คัน ลดลง 1.6 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ส่วนแบ่งการตลาด 38.4 % อันดับ 3 FORD จำหน่ายได้ 5,543 คัน เพิ่มขึ้น 34.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 12.8 % อันดับ 4 MITSUBISHI จำหน่ายได้ 2,360 คัน ลดลง 27.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.4 % อันดับ 5 NISSAN จำหน่ายได้ 429 คัน ลดลง 63.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.0 %
ตลอดปี 2565 รถกระบะ หรือพิคอัพ 1 ตัน มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 454,875 คัน เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เคยทำได้ในปี 2564 ถึง 61,399 คัน หรือเพิ่มมากขึ้นถึง 15.6 % โดยพิคอัพ ISUZU คว้าแชมพ์รถพิคอัพขวัญใจมหาชนไปครองได้อีกครั้ง ด้วยตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งปีที่ 195,945 คัน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2564 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นถึง 17.2 % ครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 43.1 % อันดับ 2 เป็นรถพิคอัพ TOYOTA จำหน่ายได้รวม 175,786 คัน เพิ่มขึ้น 16.0 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 38.6 % อันดับ 3 FORD 43,582 คัน เพิ่มขึ้นถึง 34.8 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งการตลาด 9.6 % อันดับ 4 MITSUBISHI 28,978 คัน เพิ่มขึ้น 2.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.4 % และอันดับ 5 NISSAN 6,516 คัน เทียบกับปี 2564 แล้วเป็นยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลง 20.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.4 %
ในส่วนของรถเอสยูวี หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง เดือนธันวาคม ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดยังคงปรับตัวลดลง แต่เนื่องจากเป็นตลาดรถยนต์ที่ตัวเลขยอดจำหน่ายมีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งปีเท่าใดนัก โดยเดือนธันวาคม 2565 จำหน่ายได้รวมกันทั้งสิ้น 9,651 คัน ลดลง 14.5 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 จำหน่ายได้มากที่สุดเป็น HONDA 2,538 คัน ลดลง 9.1 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 26.3 % อันดับ 2 TOYOTA จำหน่ายได้ 2,254 คัน ลดลง 9.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 23.4 % อันดับ 3 NISSAN จำหน่ายได้ 1,085 คัน เพิ่มขึ้นถึง 335.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.2 % อันดับ 4 MG จำหน่ายได้ 1,046 คัน ลดลง 40.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.8 % และอันดับ 5 HAVAL (ฮาวัล) จากค่าย GWM จำหน่ายได้ 1,029 คัน ลดลง 12.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.7 %
เมื่อรวมตัวเลขยอดจำหน่ายตลอดทั้งปี 2565 แล้วปรากฏว่า แชมพ์รถเอสยูวีที่จำหน่ายขายดีที่สุดเป็น TOYOTA ปี 2565 จำหน่ายไปได้รวมทั้งสิ้น 22,644 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 11.2 % ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 27.4 % จำหน่ายมากสุดอันดับ 2 เป็น HONDA ด้วยยอด 21,177 คัน เพิ่มขึ้นถึง 79.4 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25.6 % อันดับ 3 MAZDA จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 12,322 คัน ลดลง 13.4 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ส่วนแบ่งการตลาด 14.9 % อันดับ 4 MG จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 10,497 คัน ลดลง 34.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 12.7 % และอันดับที่ 5 GWM จำหน่ายได้ทั้งสิ้น 7,290 คัน เพิ่มขึ้น 125.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.8 % ขณะที่ปี 2565 ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมของตลาดนี้อยู่ที่ 82,602 คัน เพิ่มขึ้น 16.5 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายปี 2564
สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนธันวาคม 2565 มีตัวเลขยอดจำหน่ายอยู่ที่ 5,128 คัน เพิ่มขึ้น 2.2 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ปี 2565 ทั้งปีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 46,842 คัน เพิ่มขึ้น 9.0 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ขณะที่เดือนธันวาคม 2565 มีการจดทะเบียนรถกระบะ หรือพิคอัพ 1 ตัน และรถเอสยูวี รวมกันทั้งสิ้น 31,264 คัน เพิ่มขึ้น 7.3 % เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2564
ABOUT THE AUTHOR
ข
ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2566