PORSCHE MISSION X แม่แบบของสุดยอดรสปอร์ทไฮเพอร์คาร์พลังไฟฟ้า

กันยายนเป็นเดือนเกิดของ “ฟอร์มูลา” นิตยสารสาระสะใจคนรักรถ ขอฉลองเดือนเกิดนี้ ด้วยการนำเรื่องราวของรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ มาเล่าสู่กันฟังใน ”ระเบียงรถใหม่” อีกครั้งหนึ่ง มีทั้ง PRODUCTION CAR (พโรดัคชัน คาร์) ซึ่งหมายถึงรถตลาดหรือรถผลิตเพื่อจำหน่าย และ CONCEPT CAR (คอนเซพท์ คาร์) ซึ่งเป็นเพียงรถแนวคิดที่ยังไม่แน่ไม่นอนว่า วันหนึ่งในอนาคตจะเปลี่ยนสภาพเป็นรถตลาดหรือรถผลิตเพื่อจำหน่ายหรือไม่ ? ทั้งหมดเป็นรถสายพันธุ์เยอรมัน และเป็นรถรวม 4 ยี่ห้อ คือ BMW (บีเอมดับเบิลยู) MERCEDES-BENZ (เมร์เซเดส-เบนซ์) MERCEDES-EQ (เมร์เซเดส-อีคิว) และ PORSCHE (โพร์เช) เปิดระเบียงด้วย PORSCHE MISSION X (โพร์เช มิชชัน เอกซ์) รถแนวคิดซึ่งเพิ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกที่งาน 75 YEARS OF PORSCHE SPORTS CARS หรือ “75 ปี ของรถสปอร์ทส์ โพร์เช” ที่จัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ของโพร์เชในเมือง STUTTGART-ZUFFENHAUSEN (ชตุทท์การ์ท-ซุฟเฟนเฮาเซน) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2023 อันเป็นวันครบรอบ 75 ปี ที่รถสปอร์ทคันแรกของค่ายนี้ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้วิ่งได้ตามท้องถนน เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นแม่แบบของ ELECTRIC HYPERCAR หรือไฮเพอร์คาร์พลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ค่ายนี้ตั้งใจจะนำออกสู่ตลาดในปี 2027 ในฐานะตัวตายตัวแทนของรถเร็วรถแรง 2 แบบ ที่เคยโด่งดังในอดีต คือ PORSCHE CARRERA GT (โพร์เช คาร์เรรา จีที) ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2004 และได้ชื่อว่าเป็น THE BEST SUPERCAR EVER MADE หรือ “ซูเพอร์คาร์ดีที่สุด เท่าที่เคยมีการผลิตในโลก” กับ PORSCHE 918 SPYDER (โพร์เช 918 สไปเดอร์) รถไฮเพอร์คาร์ผลิตจำนวนจำกัด (918 คัน) ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2015 พร้อมระบบไฮบริดที่ให้กำลังสูงถึง 652 กิโลวัตต์/887 แรงม้า ส่วนชื่อ MISSION X ก็มีที่มาที่ไป เนื่องจากค่ายนี้เคยใช้ชื่อสไตล์นี้มาแล้วกับรถแนวคิด 2 คัน คือ PORSCHE MISSION E (โพร์เช มิชชัน อี) ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2015 และเป็นแม่แบบของรถพลังไฟฟ้า PORSCHE TAYCAN (โพร์เช ไทย์คาน) รุ่นปัจจุบันซึ่งเริ่มการผลิตเมื่อปี 2019 กับ PORSCHE MISSION R (โพร์เช มิชชัน อาร์) ซึ่งเพิ่งปรากฏตัวเมื่อปี 2021 และเป็นแม่แบบของรถคูเป PORSCHE 718 CAYMAN (โพร์เช 718 เคย์แมน) กับรถเปิดประทุน PORSCHE 718 BOXSTER (โพร์เช 718 บอกซ์สเตอร์) ซึ่งมีกำหนดออกโชว์รูมตอนกลางทศวรรษ และจะเป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ มีขนาดตัวถังใกล้เคียงกันกับรถ 2 แบบซึ่งเป็นที่มา คือ ยาวประมาณ 4.5 เมตร กว้างประมาณ 2.0 เมตร และมีช่วงฐานล้อยาว 2.73 เมตร เป็นตัวถังที่เห็นได้ชัดว่า ออกแบบโดยเน้นมากในเรื่องสมรรถนะทางอากาศพลศาสตร์ เพราะมีอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเพื่อการนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เต็มตัวถัง ตัวอย่างเช่น AERO BLADES หรือครีบใบมีดบนล้อคู่หลัง ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายอากาศของห้ามล้อ และการใช้ล้อขนาดต่างกันเพื่อผลทางอากาศพลศาสตร์ คือ ล้อหน้าขนาด 20 นิ้ว ล้อหลังขนาด 21 นิ้ว ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคของระบบขับ แต่ที่บอกไว้อย่างชัดเจน คือ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อรถแนวคิดคันนี้เปลี่ยนสภาพเป็นรถผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างสมบูรณ์แบบ มีเป้าหมายสำคัญอยู่ 4 เป้า กล่าวคือ 1. ต้องสามารถสร้างสถิติความเร็วที่ NURBURGRING NORDSCHLEIFE (นืร์บวร์กริง โนร์ดชไลเฟ) ขึ้นใหม่ ชื่อที่ว่านี้เป็นส่วนหนึ่งในตอนเหนือของสนามแข่งรถ NURBURGRING ในเยอรมนี อันเป็นสถานที่ที่ผู้ผลิตรถยนต์นิยมใช้เป็นทางวิ่งในการทดสอบความเร็วของรถ และสถิติที่เป็นอยู่ในขณะนี้คือ วิ่งรอบสนามยาว 20.832 กม. ในเวลา 6 นาที 35.128 วินาที 2. มีค่า POWER-TO-WEIGHT RATIO หรือ อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนัก ระดับ 1.0 แรงม้า/กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเยี่ยมยอดมากสำหรับรถพลังไฟฟ้า 3. มีค่า DOWNFORCE หรือ แรงกดลงสู่พื้น สูงกว่าที่สุดยอดรถสปอร์ท PORSCHE ในขณะนี้คือ PORSCHE 911 GT3 RS (โพร์เช 911 จีที 3 อาร์เอส) สามารถทำได้ คือ เกิดแรงกด 860 กก. เมื่อวิ่งเร็ว 285 กม./ชม. 4. ปรับปรุงประสิทธิภาพการชาร์จไฟ จนสามารถชาร์จไฟแบทเตอรีซึ่งติดตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเก้าอี้ที่นั่ง ได้เร็วเป็น 2 เท่าของ PORSCHE TAYCAN TURBO S (โพร์เช ไทย์คาน เทอร์โบ เอส) ซึ่งเป็นสุดยอดรถพลังไฟฟ้าของ PORSCHE ในขณะนี้ ก็คงต้องรอจนถึงปี 2027 นั่นแหละ จึงจะเห็นกันว่าทำได้หรือไม่ ? ตามเป้าหมายที่ว่านี้ PORSCHE MISSION X รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทไฮเพอร์คาร์ ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า เปิดตัวในเยอรมนี ในวันครบรอบ 75 ปี ของรถสปอร์ท PORSCHE ตัวถังประตูปีกผีเสื้อ ยาวประมาณ 4.5 เมตร กว้างประมาณ 2.0 เมตร อัตราส่วน กำลังต่อน้ำหนัก=1.0 แรงม้า/กิโลกรัม (เป้าหมาย) จะเปลี่ยนสภาพเป็นรถผลิตเพื่อจำหน่าย และออกโชว์รูมในปี 2027