ใครตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าตอนนี้ ต้องขอชมว่าจิตแข็งพอใช้ ที่ไม่หวั่นไหวกับข่าวลบเกี่ยวกับรถไฟฟ้า ซึ่งปูดออกมาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไฟไหม้ ระเบิด สถานีชาร์จไม่พอ อะไหล่แพง และรอนาน ระยะทางวิ่งสั้น บริการหลังการขายไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ
แม้ข่าวลบส่วนใหญ่ จะถูกขยายความเกินจริง หรือบางเรื่องเป็นแค่ข่าวลือ หรือข่าวลวง แต่ก็สร้างความกังวลให้ผู้กำลังตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าได้ไม่น้อย (ยกเว้นพวกจิตแข็ง) ซึ่งก็น่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กระแสรถไฟฟ้าในบ้านเราลดความร้อนแรงลงไปมาก
อีกประเด็นที่กำลังเป็น ทอล์ค ออฟ เธอะ ทาวน์ คือ สงครามราคาในหมู่รถไฟฟ้าจีน ที่ดุเดือดเลือดพล่าน ต่างฝ่ายต่างออกอาวุธใส่กันอย่างเต็มที่ บางเจ้ายอมหั่นราคาลงเป็นแสนเพื่อเอาชนะศึก โดยไม่สนใจว่าจะสร้างความเจ็บช้ำให้ลูกค้าเก่าของตัวเองมากเพียงใด
ผมลองเข้าไปส่องในเพจของกลุ่มผู้ใช้รถไฟฟ้าจีน บแรนด์ที่เล่นสงครามราคาหนักๆ พบว่า ลูกค้าเก่าหลายราย “เฮิร์ท” มาก จากการต้องจ่ายแพงกว่าเป็นแสนในระยะเพียงชั่วข้ามเดือน และไม่สามารถ “มูฟออน” ง่ายๆ แม้จะพยายามท่องคาถา “ซื้อก่อน ประหยัด (ค่าน้ำมัน) ก่อน” ก็ไม่อาจชดเชยความเจ็บปวดที่โดน “ขิง” ว่า “ซื้อทีหลัง ประหยัดกว่า (ทั้งค่ารถ ค่าน้ำมัน)” ได้เลย
ขณะเดียวกัน พวกที่กำลังจดๆ จ้องๆ เจอแบบนี้ก็ยิ่งถอยหลังไปตั้งหลักไกลๆ
อย่าลืมว่า คนไทยถึงจะ “ขี้เห่อ” แต่ก็ “ขี้ตกใจ“ ด้วย
เอาเป็นว่า ผู้ต้องการใช้รถไฟฟ้าในช่วงฝุ่นตลบนี้ นอกจากจำเป็นต้องมีจิตใจเข้มแข็งเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เปรียบเทียบสเปคแต่ละรุ่นให้ดี เลือกซื้อบแรนด์ที่เชื่อถือได้ และเตรียมตัวสำหรับการใช้งานที่แตกต่างจากรถสันดาปที่คุ้นเคย
ที่สำคัญ ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ราคารถที่ซื้อในวันนี้ อาจลดลงเป็นหมื่น หรือเป็นแสนก็ได้ ในเดือนหน้า หรือสัปดาห์หน้า แล้วก็ไม่ต้องไปโกรธเซลส์ว่าทำไมไม่บอก เพราะเอาจริงๆ เท่าที่ผมทราบ บรรดาเซลส์เขาก็รู้พร้อมคุณนั่นแหละ
ส่วนผู้โชคดี เอ้ย…ผู้ที่ยังลังเล หรือจิตไม่แข็งพอ แนะนำว่าอย่าเพิ่งซื้อรถไฟฟ้า จนกว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไข
หรือรอจน สงครามราคาสิ้นสุด หรือซาลง ก็ยังดี
ระหว่างนี้ ผมคิดว่า รถไฮบริด ทั้งแบบดั้งเดิม และแบบเสียบปลั๊ก เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
อย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนขิงให้ปวดใจ !