ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการชุมนุม SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งอีกครั้งหนึ่งด้วย ROLLS-ROYCE CULLINAN SERIES II (โรลล์ส-รอยศ์ คัลลิแนน ซีรีส์ ทู) รถสุดหรูสายเลือดผู้ดี ซึ่งไม่อาจคาดหวังได้ว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า จะได้เห็นวิ่งอยู่ตามท้องถนนในประเทศไทย
ROLLS-ROYCE CULLINAN เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้ง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ แบบแรกในประวัติศาสตร์ของยอดผู้ผลิตรถหรู และอัครฐานของสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งประกอบกิจการมายาวนานถึง 120 ปี คือ ตั้งแต่ปี 1904 รถแบบนี้เปิดตัวที่งานมหกรรมยานยนต์คลาสสิค CONCORSO D’ELEGANZA VILLA D’ESTE ในอิตาลี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 และเริ่มการจำหน่ายในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน เป็น FULL-SIZE ULTRA LUXURY CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับสุดหรูขนาดโตเต็มพิกัด ที่ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกันกับรถเก๋ง ROLLS-ROYCE PHANTOM (โรลล์ส-รอยศ์ แฟนทอม) รุ่นที่ 8 ตัวถังยาว 5.341 ม. กว้าง 2.000 ม. และสูง 1.835 ม. มีช่วงฐานล้อยาว 3.295 ม. และมีน้ำหนักรถพร้อมขับ 2,660 กก.
ติดตั้งระบบขับทุกล้อ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 12 สูบ 6,749 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า ทำงานร่วมกันกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ราคาของรถที่จำหน่ายในเมืองผู้ดี อยู่ที่ระดับ 300,000 ปอนด์ หรือประมาณ 13.5 ล้านบาทไทย ตามข้อมูลของผู้ผลิต การกำเนิดของรถแบบนี้ ส่งผลให้อายุเฉลี่ยของผู้เป็นเจ้าของรถ ROLLS-ROYCE ลดลงมาก คือ จาก 56 ปี เมื่อปี 2010 เป็น 43 ปี ในปัจจุบัน
ที่น่าสนใจไม่แพ้ตัวรถ ก็คือชื่อรุ่นของรถ ข้อมูลของสารานุกรมออนไลน์ WIKIPEDIA ระบุว่า ได้มาจากชื่อของเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก (หนัก 3,106 กะรัต หรือ 621.20 กรัม) ซึ่งขุดพบที่เหมืองแห่งหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1905 ภายหลังมีการเจียระไนเป็นเพชรหลายเม็ด เม็ดใหญ่ที่สุด (หนัก 530.4 กะรัต หรือ 106.8 กรัม) ได้ชื่อว่า CULLINAN I และ THE GREAT STAR OF AFRICA (เธอะ กเรท สตาร์ ออฟ แอฟริกา-แปลว่า ดาวดวงใหญ่ของแอฟริกา) ปัจจุบันเป็นสมบัติของราชวงศ์อังกฤษ
ส่วน ROLLS-ROYCE CULLINAN SERIES II ที่เห็นอยู่นี้ ไม่ใช่รถรุ่นที่ 2 แต่เป็นรถรุ่นเดิมที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” เปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม 2024
เป็นการปรับปรุงซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลัก คือ (1) เพื่อปรับเปลี่ยนหน้าตา และสไตล์ของตัวถัง (2) เพื่อทำห้องโดยสารให้ดูทันสมัยขึ้น และเอื้อต่อผู้โดยสารยิ่งขึ้น (3) เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยขึ้น และ (4) เพื่อเสนอทางเลือกให้ผู้ซื้อสามารถตกแต่งรถตามความต้องการของตัวเองได้มากขึ้น อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า EXTENSIVE PERSONALISATION
เมื่อมองจากภายนอก ตัวถังของรถที่ผ่านการปรับปรุงที่ว่านี้ มีจุดต่างจากรถรุ่นเดิมอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น (1) LED DAYTIME-RUNNING LIGHT หรือไฟแอลอีดีสำหรับการวิ่งกลางวัน ที่ออกแบบใหม่ และมีรูปลักษณ์เหมือนตัวอักษร L (2) กันชนหน้า ที่ปลายทั้ง 2 ด้านเอียงเป็นมุมลาด และเชื่อมต่อเป็นแนวเดียวกันกับไฟวิ่งกลางวัน ให้ความรู้สึกเหมือนเรือยอชท์กำลังเคลื่อนที่แหวกน้ำ (3) แผงกระจังหน้าซึ่งมีขอบบน และขอบล่างเป็นแถบโลหะชุบโครเมียม (4) กันชนท้ายออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด (5) กระทะล้ออัลลอยเพิ่มขนาดเป็น 23 นิ้ว ภายในห้องโดยสารซึ่งมีทั้งแบบ 4 ที่นั่ง และ 5 ที่นั่ง ก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะระบบ INFOTAINMENT (อินโฟเทนเมนท์) รุ่นใหม่ล่าสุด
ส่วนระบบขับ และกลไกอื่นๆ ไม่มีการแตะต้องใดๆ เครื่องยนต์ที่ซ่อนตัวภายใต้ฝากระโปรงหน้า ยังคงเป็นเครื่องทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC วี 12 สูบ 6,749 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF
ราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในเมืองผู้ดี คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 330,000 ปอนด์อังกฤษ หรือประมาณ 15.5 ล้านบาทไทย เมื่อคิดว่าขณะนี้เงินไทยค่อนข้างอ่อน การแลกเงินอังกฤษ 1 ปอนด์ ต้องใช้เงินไทยถึง 47 บาท
รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์สุดหรูขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนทุกล้อ
มิติตัวถัง 5.341x2.000x1.835 ม. ห้องโดยสาร 4/5 ที่นั่ง
เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบเบนซินฉีดตรง วี 12 สูบ 6,749 ซีซี 420 กิโลวัตต์/571 แรงม้า
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ZF
ราคาในสหราชอาณาจักร (คาดการณ์) 330,000 ปอนด์ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท)