ในที่สุด SUZUKI MOTOR CORPORATION (ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์พอเรชัน) ก็ได้เข้ามาลุยตลาดรถไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ โดยใช้รุ่น E VITARA (อี-วีทารา) รถครอสส์โอเวอร์ 5 ที่นั่งขนาดบี-เซกเมนท์ เป็นหัวหอกรุ่นแรกของ BEV ในการสู้ศึกครั้งนี้ รถรุ่นนี้ใช้ฐานการผลิตที่โรงงาน SUZUKI MOTOR รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย
SUZUKI E-VITARA ใช้พแลทฟอร์ม HEARTECT-E พัฒนาขึ้นมาเพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SUZUKI กับค่าย TOYOTA (โตโยตา) และ DAIHATSU (ไดฮัทสุ) มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 4,275/1,800/1,635 มม. ตามลำดับ ขนาดฐานล้อ 2,700 มม. ส่วนระยะต่ำสุดจากพื้น 180 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 5.2 ม. ระบบรองรับแบบ ALLGRIP-E ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้านหน้า และหลังจะเป็นแบบ EAXLE มาพร้อม LSD LIMITED SLIP DIFF ล้อมีขนาด 18-19 นิ้ว ตามระดับรุ่นย่อย มาพร้อมยางขนาด 225/55 R18 หรือ 225/50 R19 มีน้ำหนักตัวแตกต่างกันในแต่ละรุ่น เริ่มจาก 1,702-1,899 กก.
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบหรู ใช้งานง่าย สีสันสไตล์ทูโทน มีจอแสดงผลแนวนอน 2 จออยู่ติดกันเป็นแนวยาว ให้ความชัดเจนดี ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยสวิทช์หมุน (DIAL SHIFT) มาพร้อมสวิทช์ควบคุมเลือกโหมดในการขับขี่ เบรคมือแบบไฟฟ้า ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เบาะแถวหลังพับลง และเลื่อนได้แบบ 60:40 พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาด 306 ลิตร ระบบความปลอดภัยทั้งในเชิงป้องกัน และแก้ไขติดตั้งมาให้อย่างครบครัน
ขุมพลังมี 3 รูปแบบ เริ่มจากมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า พละกำลังมี 2 ระดับให้เลือก รวมไปถึงความจุแบทเตอรีที่แตกต่างกัน เริ่มจาก STANDARD 2WD ให้กำลัง 144 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.3 กก.ม. ใช้แบทเตอรีแบบลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟท (LFP) ความจุ 49 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนอีกรุ่นหนึ่งเป็นแบบ LONG RANGE 2WD 174 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 19.3 กก.ม. ใช้แบทเตอรี LFP ความจุ 61 กิโลวัตต์ชั่วโมง
รุ่นสุดท้ายแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ LONG RANGE 4WD โดยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 172 แรงม้า มอเตอร์ตัวหลังให้กำลัง 65 แรงม้า ทำให้มีพละกำลังขับเคลื่อนรวม 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุดรวม 30.6 กก.ม. แบทเตอรีแบบ LFP ความจุ 49 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ DC FAST CHARGE ขนาด 150 กิโลวัตต์ จาก 15-70 % ใน 30 นาที ระยะทางที่วิ่งได้ไกลสุดในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ อยู่ที่ 402 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง (WLTP)
ข่าวล่าสุด รถรุ่นนี้มีโอกาสเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ คงต้องรอลุ้นกันว่า ราคาเปิดตัวจะเร้าใจมากขนาดไหน ถ้าเปิดราคาได้โดนใจสาวก SUZUKI น่าจะเป็นรถ BEV ที่ขายดีอีกรุ่นหนึ่งในตลาดรถยนต์เมืองไทย
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบ TRAIL ที่จะช่วยให้ขับเคลื่อนผ่านทางทุรกันดารได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยมีฟังค์ชัน LSD โดยใช้เบรคเข้ามาช่วยลดการหมุนของล้อที่จะหมุนฟรี และถ่ายเทแรงบิดไปยังล้ออีกข้างหนึ่ง เพื่อเสริมการยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดี และปลอดภัยยิ่งขึ้น