วิถีตลาดรถยนต์
เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนกรกฎาคม 2025/2024
ตลาดโดยรวม +5.8 %
รถยนต์นั่ง +13.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +20.7 %
กระบะ 1 ตัน -14.8 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +23.2 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2025/2024
ตลาดโดยรวม -0.4 %
รถยนต์นั่ง +0.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +12.6 %
กระบะ 1 ตัน -14.8 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +37.5 %
เข้าสู่เดือนที่ 7 ของปี เดือนกรกฎาคม 2568 สิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนนี้นับเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยอย่างมาก นั่นคือ การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนในเขตจังหวัดอุบลราชธานี, บุรีรัมย์, สุรินทร์ และศรีสะเกษ จนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง ขณะที่ทรัพย์สินบ้านเรือน รวมไปถึงโรงพยาบาลเสียหาย โดยทหารไทยต้องพลีชีพเพื่อพิทักษ์ผืนดินไทยไปรวมทั้งสิ้น 15 นาย แต่ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียชีวิตทหารเป็นจำนวนมากกว่าเราหลายเท่าตัว ว่ากันว่าศึกครั้งนี้ยังไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน รอเพียงว่าจะปะทุขึ้นอีกเมื่อไหร่แค่นั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ไม่สงบจะส่งผลกระทบต่อการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ทำให้การตัดสินใจซื้อช้าลง หรือรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ภาพโดยรวมของการซื้อ-ขาย โดยเฉพาะการซื้อ-ขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในประเทศ ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ กลับมีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าของเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา และยังเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญที่ตัวเลขยอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นนี้ เป็นผลมาจากกระแสความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะรถยนต์จากประเทศจีน ที่นอกจากคุณสมบัติในการใช้งานจะตอบโจทย์ของผู้ใช้รถได้อย่างค่อนข้างจะครบถ้วนแล้ว เรื่องของราคาจำหน่ายที่จับต้องได้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น โดยตลาดรถยนต์ที่ได้รับพลังบวกจากรถยนต์ประเภทนี้ จนทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ตลาดรถยนต์นั่ง และตลาดรถเอสยูวี ขณะที่ตลาดรถพิคอัพยังคงเป็นตลาดที่มีความเข้มงวดกวดขันตรวจสอบอย่างมากจากสถาบันการเงินต่างๆ ในการที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเหมือนเดิม จนทำให้ยังคงเป็นตลาดที่มีตัวเลขยอดจำหน่ายเป็นลบมาอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เดือนกรกฎาคมนี้ ปิดตัวลงที่ 49,102 คันเพิ่มขึ้น 2,708 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5.8 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 TOYOTA (โตโยตา) ยังคงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจถูกเลือกซื้อเลือกใช้เป็นอันดับ 1 เหมือนเดิม ทำยอดจำหน่ายได้ 18,160 คัน เพิ่มขึ้น 374 คัน หรือเพิ่มขึ้น 2.1 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ส่วนแบ่งการตลาดเดือนนี้ 37.0 % ISUZU (อีซูซุ) อยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 5,485 คัน ลดลง 1,299 คัน หรือลดลง 19.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.2 % HONDA (ฮอนดา) อยู่ในอันดับที่ 3 จำหน่ายได้ 5,005 คัน ลดลง 437 คัน หรือลดลง 8.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.2 % รถยนต์จากประเทศจีน BYD (บีวายดี) อยู่ในอันดับที่ 4 ด้วยยอดจำหน่าย 3,437 คัน เพิ่มขึ้น 751 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.0 % และ MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) อยู่ในอันดับที่ 5 จำหน่ายได้ 2,456 คัน เพิ่มขึ้น 732 คัน หรือเพิ่มขึ้น 42.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.0 %
7 เดือนของปี 2568 ผ่านไปรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ รุ่นต่างๆ ถูกจำหน่ายออกไปแล้วรวมกันทั้งสิ้น 353,113 คัน เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงเพียง 1,308 คัน หรือลดลงไปเพียง 0.4 % TOYOTA มียอดจำหน่ายสะสมมากที่สุด จำหน่ายแล้วรวม 132,049 คัน ลดลง 2,015 คัน หรือลดลง 1.5 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันนี้ของปี 2567 ส่วนแบ่งการตลาด 37.4 % ISUZU จำหน่ายไปแล้วรวม 42,991 คัน ลดลงไป 10,053 คัน หรือลดลง 19.0 % อยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนแบ่งการตลาด 12.2 % อันดับ 3 HONDA จำหน่ายไปแล้วรวม 40,360 คัน ขาดหายไป 8,581 คัน หรือลดลง 17.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.4 % อันดับที่ 4 BYD จำหน่ายแล้วรวม 27,052 คัน เพิ่มมากขึ้น 9,631 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 55.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.7 % และอันดับที่ 5 MITSUBISHI จำหน่ายแล้วรวม 16,104 คัน ลดลงไป 118 คัน หรือลดลง 0.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 %
สำหรับตลาดที่ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นมาเป็นบวกได้ ตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนกรกฎาคม 2568 นี้ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 13,732 คัน ลดลงไป 2,393 คัน หรือลดลง 14.8 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ขณะที่ตัวเลขสะสมตั้งแต่เดือนแรกของปีมาจนถึงเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 106,076 คัน ขาดหายไป 18,486 คัน หรือลดน้อยลง 14.8 % เมื่อเทียบกับ 7 เดือนแรกของปี 2567 ความนิยมชมชอบในรถพิคอัพยี่ห้อต่างๆ ยังคงเหมือนเดิมกับเดือนที่ผ่านๆ มา เริ่มด้วยพิคอัพ TOYOTA จำหน่ายได้ 6,773 คัน ลดลง 596 คัน หรือลดลง 8.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 49.3 % ยอดสะสมอยู่ที่ 49,203 คัน ลดลง 7,855 คัน หรือลดลง 13.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 7 เดือนแรกอยู่ที่ 46.4 % ตามด้วย ISUZU จำหน่ายได้ 4,515 คัน ลดลง 1,328 คัน หรือลดลง 22.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 32.9 % ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมอยู่ที่ 37,319 คัน ลดลง 9,117 คัน หรือลดลง 19.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.2 % FORD (ฟอร์ด) จำหน่ายได้ 1,531 คัน ลดลงไป 416 คัน หรือลดลง 21.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.1 % ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 10,931 คัน ลดลง 2,298 คัน หรือลดลง 17.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.3 % ต่อด้วย MITSUBISHI 682 คัน เพิ่มขึ้น 43 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.0 % 7 เดือนผ่านไป ตัวเลขสะสมอยู่ที่ 6,345 คัน เพิ่มขึ้น 1,142 คัน หรือเพิ่มขึ้น 21.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.0 % ปิดท้ายด้วย NISSAN (นิสสัน) จำหน่ายได้ 152 คัน ลดลง 13 คัน หรือลดลง 7.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.1 % ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมอยู่ที่ 1,217 คัน ลดลง 584 คัน หรือลดลง 32.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.1 %
ทางด้านของตลาดเอสยูวี ที่มีตัวเลือกให้เลือกซื้อเลือกใช้มากมายไม่แพ้รถยนต์นั่ง เดือนกรกฎาคม 2568 ตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันอยู่ที่ 13,040 คัน เพิ่มขึ้น 2,239 คัน เพิ่มขึ้น 20.7 % ผู้นำตลาดนี้ยังคงเป็น TOYOTA เดือนนี้จำหน่ายไปได้อีก 4,141 คัน เทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 แล้วลดลงไปเพียง 16 คัน หรือลดลง 0.4 % ส่วนแบ่งการตลาดเดือนนี้ 31.8 % ตามด้วย HONDA 2,111 คัน ลดลงไป 708 คัน หรือลดลง 25.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 16.2 % BYD 2,103 คัน เพิ่มขึ้น 1,413 คัน หรือเพิ่มขึ้น 204.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 16.1 % ต่อด้วยค่าย GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) 1,216 คัน เพิ่มขึ้น 972 คัน หรือเพิ่มขึ้น 398.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 9.3 % และ MITSUBISHI 1,026 คัน เพิ่มขึ้นถึง 1,024 คัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 51,200.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.9 %
ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 83,030 คัน เพิ่มขึ้น 9,265 คัน หรือเพิ่มขึ้น 12.6 % เมื่อเทียบกับห้วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2567 TOYOTA เป็นผู้นำตลาดอยู่ ด้วยยอดจำหน่าย 29,559 คัน เทียบกับห้วงเดียวกันของปี 2567 เป็นตัวเลขที่ลดลงไป 2,984 คัน หรือลดลง 9.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.6 % HONDA อยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยยอดจำหน่ายรวม 17,794 คัน ลดลงไป 3,894 คัน หรือลดลง 18.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 21.4 % อันดับ 3 เป็นของ BYD ด้วยยอดจำหน่ายรวม 14,920 คัน เพิ่มขึ้นถึง 10,255 คัน หรือเพิ่มขึ้น 219.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 18.0 % อันดับ 4 CHANGAN (ฉางอัน) 4,160 คัน ลดลงไป 525 คัน หรือลดลง 11.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.0 % และอันดับ 5 MG (เอมจี) 3,496 คัน เพิ่มขึ้น 1,548 คัน หรือเพิ่มขึ้น 79.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.2 %
ทั้งนี้รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนกรกฎาคม 2568 จำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 3,570 คัน เพิ่มขึ้น 673 คัน หรือเพิ่มขึ้น 23.2 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567 ตัวเลขยอดจำหน่ายรวม 7 เดือนอยู่ที่ 27,765 คัน เพิ่มขึ้น 7,568 คัน หรือเพิ่มขึ้น 37.5 % เมื่อเทียบกับ 7 เดือนแรกของปี 2567 เดือนกรกฎาคมนี้ มีการนำรถเอสยูวี และรถพิคอัพไปจดทะเบียนรวมกันทั้งสิ้น 30,729 คัน เพิ่มขึ้น 121 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.3 % เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2567