รายงานข่าวจากกรุงโตเกียว ระบุว่า ค่ายผู้ผลิตชิ้นส่วนยักษ์ใหญ่ Denso ประกาศลดกำลังการผลิต 50 % จากวิกฤตโรคระบาดร้ายแรง COVID-19 พร้อมระบุว่า อาจเกิดผลกระทบกับการจัดส่งสินค้า ในเดือนหน้า หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ของโลก ลำดับ 4 รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนค่าย Toyota รายใหญ่ รายงานผลประกอบการปีงบประมาณ 2562 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา มีกำไรทั้งสิ้น 61 พันล้านเยน ราว 17.69 พันล้านบาท น้อยที่สุดนับแต่ปี 2552 แต่ยังคงจ่ายเงินปันผล 140 เยน/หุ้น (ราว 40.6 บาท) จากกำไรสุทธิของผู้ผลิตชิ้นส่วนอย่าง Denso และค่ายอื่นๆ นับเป็นตัวสะท้อนความต้องการซื้อรถยนต์ของผู้บริโภคที่ลดลง หลังจากมาตรการปิดเมือง และหลายประเทศร้องขอให้ผู้คนอยู่แต่ภายในที่พักอาศัย เพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ต้องร้างรา ไม่มีผู้คน รวมทั้งความไม่มั่นใจในผลกระทบระยะยาว และสภาพเศรษฐกิจของโลก “จะต้องใช้เวลาอีกนาน ที่สภาพเศรษฐกิจจะกลับมาเป็นเช่นดังเดิม” Koji Arima ซีอีโอ Denso กล่าวในการแถลงข่าวทางเทเลคอนเฟอเรนศ์ “จะเป็นสงครามระยะยาว ทุกอุตสาหกรรมจะต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด” ผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 กระทบกระเทือนไปถึงกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ อย่าง Aisin Seiki ซึ่งผลกำไรจากการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ลดลงไปถึง 73 % ทำได้ต่ำสุดในศตวรรษ 56.1 พันล้านเยน ราว 16.269 พันล้านบาท และจ่ายเงินปันผลเพียงหุ้นละ 120 เยน ราว 34.8 บาท เท่านั้น จากปีที่แล้วที่จ่ายหุ้นละ 150 เยน ราว 43.5 บาท โดยที่ค่าย Toyota ถือหุ้นทั้ง Denso และ Aisin ค่ายละราว 1 ใน 4 ของหุ้นทั้งหมด Denso ระบุว่า ในเดือนเมษายน 2563 ที่ผานมา ผลผลิตรวมทั่วโลก ลดลงราว 50 % ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการระงับสายการผลิตของโรงงานในอเมริกาเหนือ, ยุโรป และเอเชีย ซึ่งทำให้ความต้องการรถยนต์ตกต่ำ และบรรดาผู้ผลิตต่างพากันระงับสายการผลิต เพื่อป้องกันโรคระบาด ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่มีเหตุสำคัญที่จะทำให้การขนส่งชะงักงัน แต่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการเก็บรักษาชิ้นส่วน หากบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ยังคงหยุดงานไปจนถึงเดือนมิถุนายน และเรื่อยไป อันเนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วน ไม่มีการเก็บสตอคสินค้า แต่จะผลิตในจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ที่สามารถเร่งการผลิตให้ทันต่อความต้องการได้ตลอดเวลา แต่จะไม่มีการผลิตเพื่อสตอคไว้ในโรงงานแต่อย่างใด เดือนมีนาคม 2563 ยอดการขายรถสัญชาติญี่ปุ่นทั่วโลก ลดลง 34 % ขณะไวรัสระบาดไปทั่ว และยังไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นได้ในเร็ววัน โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า จะทำให้ผู้บริโภคระงับการซื้อรถราว 1 ใน 3 เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายรถยนต์ในห้วงเศรษฐิกิจตกต่ำ เพราะสถานการณ์ด้านการเงินทั่วโลก เมื่อปี 2551-2552 ที่ตกลงไป 11 %