เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ค่าย Nissan ประกาศที่จะลดค่าใช้จ่าย ในการประกาศแผนงานระยะยาว เพื่อลดยอดการขายรถทั่วโลก ให้เหลือราวปีละ 5 ล้านคัน ด้วยวิธีการต่างๆ และหนึ่งในนั้น คือ การถอนตัวออกจากวงการรถตู้ หรือรถแวน ในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากนักผลิตภัณฑ์รถตู้ หรือรถแวน ซึ่งผลิตจากโรงงานในประเทศเมกซิโก ประกอบด้วย NV 200 และรถกระบะ Titan ซึ่งมีทั้งเพื่อการบรรทุก และขนส่งผู้โดยสาร โดยเปิดตัวเมื่อปี 2552 และ 2554 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา โดยมีค่ายยักษ์ใหญ่เจ้าของบ้านจากดีทรอยท์ ยึดครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ โดยปัจจุบันขายได้ราวปีละ 5 แสนคัน ส่วนค่าย Nissan ที่เข้าไปบุกตลาดมาเกือบ 2 ศตวรรษ กลับแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้เพียง 8 % เท่านั้น ในปีที่ผ่านมา บรรดารถแวนประเภทต่างๆ ของ Nissan ขายได้เพียง 39,000 คัน น้อยกว่า รถตู้ของ Ford E-series ที่ออกตลาดมาแล้ว 27 ปี เกือบ 6,000 คัน และในปีที่ถือว่าเป็นยอดการขายที่โดดเด่นของ Nissan NV ซึ่งทำได้เพียง 20,022 คัน ก็ยังน้อยกว่า 1 ใน 4 ของ Chevrolet Express เสียอีก ถึงแม้ว่ารถกระบะที่ใช้กระบะ Titan เป็นพื้นฐาน นำมาพัฒนาเป็นรถตู้เพื่อการพาณิชย์ ที่ได้ชื่อว่าแข็งแรง ทนทาน มากกว่า เพราะมีพื้นฐานจากรถกระบะนั้น บรรดาบริษัทที่ใช้งานรถแวน หรือรถตู้ ที่ซื้อใช้งานครั้งละมากๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา อย่างที่ใช้ในงานไปรษณีย์ และไม่มีเจ้าไหนเลยที่เลือกใช้รถแวนจาก Nissan แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง Nissan NV 200 ที่พัฒนาออกมาเป็นรถแทกซี ที่เข้าไปช่วงชิงการตลาดจาก Black Cab หรือรถแทกซีแบบดั้งเดิม ซึ่งได้รับคำชื่นชมจาก Michael Bloomberg อดีตผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ค ว่าเป็น รถแทกซีแห่งอนาคต แต่กลับไม่ได้รับความนิยมจากโชเฟอร์รถแทกซีสักเท่าไร เพราะสมรรถนะในการขับขี่ที่ไม่ประทับใจ และผู้โดยสารผู้สูงอายุไม่ชอบเรียกใช้ นั่งไม่สะดวกสบาย และในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดูแลรถสูง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จึงทำให้ค่าย Nissan ยกเลิกการพโรโมทรถแทกซี Yellow Cab ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งระงับการผลิต และถอนข้อมูลต่างๆ ออกจากเวบไซท์ทั้งหมด แม้ว่าจะยังมี NV 200 จำหน่ายอยู่ในตลาด เพราะได้รับความนิยมน้อยมาก การยกเลิกการจำหน่าย รถตู้ หรือรถแวน ที่พัฒนาจาก NV 200 ก็เป็นปัญหาสำหรับผู้จำหน่าย เพราะบรรดาผู้จำหน่ายกว่า 1,070 ราย ในสหรัฐอเมริกา ได้ลงทุนเพื่อเข้าสู่ธุรกิจรถเพื่อการพาณิชย์ ในปี 2554 ด้วยการติดตั้งลิฟท์ยกรถเพื่อการซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายด้านสตอคอะไหล่จำนวนมาก ได้พากันออกมาเรียกร้องการเยียวยาจาก Nissan เช่นกัน