ทดลองขับ
ขับ Honda City 2023 เพิ่มรุ่นรอง หน้าตาลงตัวกว่าเดิม
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนทดสอบสมรรถนะ Honda City 2023 บนเส้นทางกรุงเทพฯ-สิงห์บุรี ระยะทางกว่า 260 กม. ทั้งโหมดความแรงและประหยัดน้ำมัน กับ 2 ขุมพลังทางเลือก ระบบฟูลไฮบริด e:HEV และ VTEC Turbo ที่เสริมความมั่นใจด้วย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
Honda City 2023 เปลี่ยนกระจังหน้าโครเมียม กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
รุ่น Turbo SV
รุ่น e:HEV SV
ในรุ่น Turbo V , Turbo SV และ e:HEV SV ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไล่ฝ้ากระจกหน้า/หลัง กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ และไฟท้ายแบบ LED โดยทั้ง 3 รุ่นจะต่างกันเล็กน้อยพอสังเกตุได้ คือ ล้ออัลลอยสีเงินขนาด 15 นิ้ว สำหรับรุ่น Turbo V และแบบทูโทน ในรุ่น Turbo SV และ e:HEV SV พร้อมมือจับประตูด้านนอกโครเมียม
รุ่น e:HEV RS
ส่วนรุ่น Turbo RS และ e:HEV RS เสริมความสปอร์ทรอบคัน ด้วยไฟหน้าแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ทข้าง ดีไซน์ใหม่ และสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ทแบบ RS ฝาครอบกระจกมองข้างและเสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา ล้ออัลลอยแบบทูโทนสไตล์สปอร์ทขนาด 16 นิ้ว
ห้องโดยสาร Honda City 2023 ยังคงเน้นความสะดวกสบาย กว้างขวาง มาพร้อมภายในสีใหม่ เพิ่มความสปอร์ทพรีเมียมยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี ที่ใช้งานง่าย
รุ่น Turbo V ตกแต่งคอนโซลหน้าวัสดุสีเงิน เบาะนั่งหุ้มผ้า เบาะคนขับปรับสูง/ต่ำได้ พนักเท้าแขนด้านหน้า มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ปรับระดับ 4 ทิศทาง เครื่องเสียงมาพร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ปุ่ม ECON ระบบ Idle Stop พร้อมสวิทช์เปิด/ปิด
รุ่น Turbo SV มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
รุ่น e:HEV SV มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
รุ่น Turbo SV และ e:HEV SV ต่างกับ รุ่น Turbo V ในส่วนการตกแต่งคอนโซลสีดำ Piano Black หุ้มเบาะด้วยหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ โดยรุ่น e:HEV SV มาตรวัดมาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน รุ่น e:HEV SV มาพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง โดยรุ่น e:HEV SV มีด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง
รุ่น Turbo RS
รุ่น e:HEV RS
รุ่น Turbo RS และรุ่น e:HEV RS ยกระดับความสปอร์ท ด้วยวัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก เบาะหุ้มหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว รุ่น e:HEV RS มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) รุ่น e:HEV RS มีระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) และระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ลำโพง 8 ตำแหน่ง ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง โดยรุ่น e:HEV RS มีด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง
Honda City 2023 ยังเร้าใจไม่แพ้รุ่นเดิม ด้วย 2 ขุมพลัง (เดิม) คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร และฟูลไฮบริด e:HEV
ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 17.6 กก.-ม. หรือ 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รตน. ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันถึง 23.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
ขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน แรงบิดมอเตอร์สูงสุด ที่ 25.8 กก.-ม. หรือ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รตน. และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันถึง 27.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ทั้งนี้ ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode)
ในกิจกรรมขับประหยัดน้ำมันโดยเริ่มต้นจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เสรีไทย 87 ไปจังหวัดสิงห์บุรี ระยะทางรวม 130 กม. ได้ตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยตามมาตรวัดออกมา 41.2 กม./ลิตร สำหรับขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และ 37.8 กม./ลิตร สำหรับขุมพลัง TURBO
สำหรับขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยตามมาตรวัดออกมา 41.2 กม./ลิตร
อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยตามมาตรวัดออกมา 37.8 กม./ลิตร สำหรับขุมพลัง TURBO
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
1. ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
2. ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
3. ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
4. ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
5. ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS มาพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF)
และที่เพิ่มใหม่ คือ 6. ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
Honda City 2023 มีด้วยเทคโนโลยีและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed) ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) ยกเว้นรุ่น Turbo V
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold ในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS
ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ในรุ่น Turbo RS และ e:HEV RS ยังมีม่านถุงลมด้านข้าง
Honda City รุ่น e:HEV ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
Honda City รุ่น Turbo ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
Turbo RS ราคา 749,000 บาท
Turbo SV ราคา 679,000 บาท
Turbo V ราคา 629,000 บาท
หลังจากได้ทดลองขับ Honda City ใหม่ ในรุ่น Turbo RS และ e:HEV RS บอกได้เลยว่า ขับดี ขับสบายไม่ต่างกับรุ่นเดิม ไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้น กับความใหม่ โดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แต่ถ้าจะให้เลือกใช้คงจะมองรุ่นรอง อย่างเจ้า Turbo SV ค่าตัว 6.8 แสนบาท มากกว่า ภายในแต่งสีแดง ดูสปอร์ท หรือไม่ก็เป็น Turbo V ที่จ่ายน้อยกว่า 5 หมื่นบาท เพราะตัวรถ หน้าตาก็คล้ายกัน การใช้งาน ไม่ต่างกัน แถมมีเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING มาให้แล้ว ส่วนถ้าต้องการใช้ไฮบริด เน้นประหยัดน้ำมันขั้นสุดด้วย ก็คงต้องยอมจ่าย 7.7 แสนบาท ซื้อรุ่น e:HEV SV
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV, และ e:HEV RS) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
โดย Honda City ใหม่มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.09% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และเฉพาะรุ่น e:HEV เพิ่มการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2566 – 30 กันยายน 2566
ABOUT THE AUTHOR
Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
ภาพโดย : Hondaคอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)