ข่าวจากสหรัฐอเมริการะบุว่า Stellantis ยังมุ่งมั่นเป้าหมายการเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าล้วนในยุโรปในปี 2573 โดยฐานการผลิตในสหรัฐฯ ยังเร่งเพิ่มยอดผลิตรถไฟฟ้าให้ถึง 50 % ตามเป้าหมายหลักของแผน Dare Forward 2030 ขณะที่การขายรถไฟฟ้า (BEV) ในสหรัฐฯ มีการชะลอตัว บริษัทฯ จึงเพิ่มทางเลือกที่สามารถผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ได้ตามความต้องการของลูกค้า
Natalie Knight ผู้บริหารของ Stellantis กล่าวถึงการสร้างพแลทฟอร์มรถไฟฟ้า ที่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ หรือสรุปว่าบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าผลิตรถไฟฟ้าที่สามารถเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ ตามความต้องการของลูกค้า
Stellantis คงการผลิตรถไฟฟ้า BEV เป็นรุ่นหลัก หากลูกค้าต้องการระบบส่งกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน บริษัทฯ จะพิจารณาความเป็นไปได้ เพื่อผลิตให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า
ขณะที่มีการชะลอตัวของการจำหน่ายรถไฟฟ้า Stellantis ได้พัฒนาพแลทฟอร์ม STLA ที่ติดตั้งระบบส่งกำลังไฟฟ้าล้วน หรือเครื่องยนต์สันดาปภายในได้ บริษัทยังก้าวตามแผนต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนจากยุคเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุครถไฟฟ้า การผลิตพแลทฟอร์มที่ใช้กับระบบส่งกำลังได้ทั้ง 2 แบบ จึงเป็นข้อได้เปรียบของบริษัทฯ ขณะเดียวกันยังกังวลว่าหากถึงปี 2573 ยังมีผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถึง 75 % ต้องการใช้รถเครื่องยนต์สันดาปภายใน แล้วจะดำเนินการอย่างไรกับแผน Dare Forward 2030 ที่ตั้งเป้าการผลิตรถไฟฟ้าไว้ที่ 50 % ในปี 2573
แม้อนาคตของ Stellantis ยังไม่แน่นอน โฆษกของบริษัทฯ ไม่ได้แจ้งถึงการเปลี่ยนแปลง หรือการทบทวนเป้าหมายยอดผลิตในปี 2573 เพื่อบรรลุยอดการผลิตรถไฟฟ้า 50 % ในสหรัฐฯ และ 100 % ในยุโรป แม้ยอดขายรถไฟฟ้าในยุโรปกำลังไปได้ดี แต่สถานการณ์ในสหรัฐฯ ต่างไป มีรถไฟฟ้าเพียงบางรุ่นที่ทำยอดขายสูงกว่ารุ่นอื่น แต่เป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2573 หรืออีก 6 ปี นับว่าไม่นานนัก หวังว่ากลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตยานยนต์ในสหรัฐฯ อาจปรับเปลี่ยนบางอย่าง บริษัท Stellantis ยังมีมุมมองว่าเป้าหมายการผลิตรถไฟฟ้า 50 % นั้นมีความเป็นไปได้ยาก