วิถีตลาดรถยนต์
โค้งสุดท้าย
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนตุลาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม +0.2 %
รถยนต์นั่ง -2.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) -16.1 %
กระบะ 1 ตัน +0.3 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +40.6 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-ตุลาคม 2022/2021
ตลาดโดยรวม +17.1 %
รถยนต์นั่ง +12.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +19.8 %
กระบะ 1 ตัน +20.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ +11.8 %
เดือนตุลาคม ถือเป็นเดือนเริ่มต้นของการค้าขายในไตรมาสที่ 4 ของปี ว่ากันว่าเป็นไตรมาสทำเงินทำทองของผู้ค้าอย่างแท้จริง เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ซื้อ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงสุดในรอบปี สำหรับธุรกิจยานยนต์ก็เช่นกัน ในไตรมาสที่ 4 ไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นช่วงเวลาที่ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการที่บริษัทรถยนต์นำรถยนต์โมเดลใหม่ออกจำหน่าย การจัดพโรโมชันส่งเสริมการขายส่งท้ายปี และที่ขาดไม่ได้ คือ การจัดงาน “มหกรรมยานยนต์” ในช่วงปลายปี ที่มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นส่งเสริมผลักดันให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่เพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงเดือนธันวาคมของแต่ละปี แม้กระทั่งในเดือนตุลาคม ที่เป็นเดือนเริ่มต้นของไตรมาสที่ 4 ก็ยังมีพโรโมชันพิเศษที่เป็นพโรโมชันเดียวกับที่ใช้ในระหว่างงาน “มหกรรมยานยนต์” ออกมาให้เห็น
สำหรับเดือนตุลาคม ปี 2565 ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจในประเทศเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เราเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ยังมีปัจจัยลบที่ทำให้เกิดการชะลอตัวในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคอยู่เช่นกัน จากปัญหาทางด้านอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงมีปัญหาทางด้านการผลิตที่เกิดจากการขาดแคลนวัตถุดิบบางอย่าง ทำให้การส่งมอบรถยนต์บางรุ่นบางยี่ห้อต้องทอดระยะเวลาออกไปจากกำหนดเดิมบ้าง อย่างไรก็ตาม ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ก็ยังไม่เป็นเหตุให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในเดือนตุลาคมนี้ต้องปรับตัวลดลงไปจากตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เดือนตุลาคม 2565 เพิ่มขึ้น 0.2 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 โดยตลาดรถยนต์นั่ง และตลาดรถกิจกรรมกลางแจ้ง เป็น 2 ตลาดที่มีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 ขณะที่ตลาดรถพิคอัพยังคงประคองให้ตัวเลขยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เป็นตลาดที่ยังคงมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงเดือนตุลาคม 2565 ปิดอยู่ที่ 64,618 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปี 2564 เพียง 156 คัน และมีเพียง TOYOTA (โตโยตา) กับ FORD (ฟอร์ด) ที่มีตัวเลขยอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น โดย TOYOTA ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ยอดจำหน่ายมาเป็นอันดับ 1 จำหน่ายได้ 25,439 คัน ถือครองส่วนแบ่งการตลาด 39.4 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 11.4 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 รองลงมาเป็น ISUZU (อีซูซุ) จำหน่ายได้ 14,087 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 21.8 % เป็นยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลง 8.6 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 ตามด้วย HONDA (ฮอนดา) จำหน่ายได้ 5,909 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.1 % ยอดจำหน่ายลดลง 17.7 % ต่อด้วย FORD จำหน่ายได้ 5,046 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.8 % เพิ่มขึ้นถึง 78.7 % และ MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) จำหน่ายได้ 3,402 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.3 % ลดลง 17.0 %
ขณะที่ปี 2565 ผ่านไปแล้ว 10 เดือน ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับห้วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2564 โดย 10 เดือนแรกของปี 2565 มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมทั้งสิ้น 698,305 คัน เพิ่มขึ้นถึง 101,912 คัน หรือเท่ากับ 17.1 % เมื่อเทียบกับ 10 เดือนแรกของปี 2564 TOYOTA มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมสูงสุด จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 234,058 คัน เพิ่มขึ้น 23.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 33.5 % อันดับ 2 ISUZU 177,714 คัน เพิ่มขึ้น 20.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 25.4 % อันดับ 3 HONDA 67,190 คัน ลดลง 1.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 9.6 % อันดับ 4 MITSUBISHI 42,712 คัน เพิ่มขึ้น 15.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.1 % และอันดับ 5 FORD 33,272 คัน เพิ่มขึ้นถึง 31.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.8 %
สำหรับรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนตุลาคม 2565 เป็นเดือนที่พิคอัพของ TOYOTA กลับมาสู่การเป็นรถพิคอัพที่จำหน่ายได้มากที่สุดอีกเดือนหนึ่ง โดยรถพิคอัพ 1 ตัน มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 35,447 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ปี 2564 เพียง 95 คัน หรือเท่ากับเพิ่มขึ้น 0.3 % ในจำนวนนี้เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายของ TOYOTA 15,020 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 0.7 % ครองส่วนแบ่งการตลาด 42.4 % ISUZU หล่นไปอยู่อันดับที่ 2 จำหน่ายได้ 12,795 คัน ลดลง 8.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 36.1 % อันดับที่ 3 FORD จำหน่ายได้ 5,043 คัน เพิ่มขึ้นถึง 78.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 14.2 % อันดับที่ 4 MITSUBISHI 1,898 คัน ลดลง 24.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 5.4 % และอันดับ 5 NISSAN จำหน่ายได้ 409 คัน ลดลง 39.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.2 %
375,267 คัน เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายรถพิคอัพ 1 ตัน ที่เกิดขึ้นแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2565 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2564 แล้วปรับตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 20.2 % โดยตัวเลขยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นของพิคอัพ ISUZU จำหน่ายไปแล้วรวมทั้งสิ้น 163,925 คัน เพิ่มขึ้น 23.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 43.7 % รองลงมาเป็นรถพิคอัพ TOYOTA จำหน่ายไปแล้ว 144,068 คัน เพิ่มขึ้น 20.2 % ได้ส่วนแบ่งการตลาด 38.4 % อันดับ 3 FORD 33,234 คัน เพิ่มขึ้น 31.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.9 % อันดับ 4 MITSUBISHI 24,647 คัน เพิ่มขึ้น 9.9 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.6 % และอันดับ 5 NISSAN 5,812 คัน ลดลง 6.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.5 %
ในส่วนของรถกิจกรรมกลางแจ้ง หรือเอสยูวี เป็นรถเอสยูวีจากประเทศจีนที่มีตัวเลขยอดจำหน่ายที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ทั้งรถยนต์ MG (เอมจี) และ HAVAL (ฮาวัล) ของค่าย GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 และ 3 ของรถเอสยูวีที่จำหน่ายได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เดือนตุลาคมนี้ดูเหมือนจะเป็นเดือนที่ไม่ค่อยแฮพพีมากสักเท่าไร เมื่อดูไปที่ตัวเลขยอดจำหน่าย เพราะส่วนใหญ่เป็นตัวเลขที่ปรับตัวลดลงจากเดือนตุลาคม ปี 2564 ทั้งสิ้น ส่งผลให้ตัวเลขยอดจำหน่ายรถเอสยูวีรวมทั้งตลาดมีเพียง 4,695 คัน เทียบกับเดือนตุลาคม 2564 แล้วเป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับลดลงถึง 16.1 % TOYOTA ยังคงเป็นเจ้าตลาดรถยนต์ประเภทนี้อย่างเหนียวแน่น เดือนตุลาคมนี้จำหน่ายได้ 1,625 คัน แต่เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดลง 13.9 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 34.6 % MG มียอดจำหน่ายอยู่ในอันดับที่ 2 จำหน่ายได้ 1,004 คัน ลดลง 23.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 21.4 % อันดับ 3 GWM 514 คัน ลดลง 4.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.9 % อันดับ 4 MAZDA (มาซดา) 473 คัน ลดลงถึง 50.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 10.1 % และอันดับ 5 HONDA 455 คัน ลดลง 13.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 9.7 %
10 เดือนของปี 2565 รถเอสยูวีมีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมกันทั้งสิ้น 65,024 คัน เพิ่มขึ้น 19.8 % เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2564 ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมมากที่สุดเป็นของ TOYOTA จำหน่ายไปแล้วรวม 18,722 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคมปีที่แล้ว 14.3 % ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 28.8 % อันดับ 2 HONDA 15,749 คัน เพิ่มขึ้นถึง 86.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 24.2 % อันดับ 3 MAZDA 10,733 คัน เพิ่มขึ้น 0.7 % ส่วนแบ่งการตลาด 16.5 % อันดับ 4 MG 8,518 คัน ลดลงถึง 34.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 13.1 % และอันดับ 5 GWM 5,643 คัน เพิ่มขึ้น 238.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.7 %
เดือนตุลาคม 2565 ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์พาณิชย์อื่นๆ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 5,008 คัน เพิ่มขึ้นถึง 40.6 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 37,906 คัน เพิ่มขึ้น 11.8 %
เดือนตุลาคม 2565 มีการจดทะเบียนรถพิคอัพ 1 ตัน และรถเอสยูวี รวมทั้งสิ้น 38,649 คัน เพิ่มขึ้น 31.0 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2564
ABOUT THE AUTHOR
ข
ขุนสัญจร
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์