POLESTAR 4 เอสยูวี พลังไฟฟ้าล้วนๆ สายพันธุ์ยุโรปเหนือ แต่ผลิตในเมืองมังกร

POLESTAR (โพลสตาร์) ก็เป็นรถใหม่อีกยี่ห้อ ที่ทำให้คนรักรถในบ้านเราต้องขมวดคิ้วพร้อมกับส่ายหน้า อธิบายอย่างสั้นๆ และกะทัดรัดได้ว่า เป็นรถสายพันธุ์สวีเดนยี่ห้อใหม่ ที่เพิ่งแยกตัวเป็นเอกเทศจากรถยี่ห้อดั้งเดิม คือ VOLVO (โวลโว) เมื่อปี 2017 เพื่อผลิตแต่รถพลังไฟฟ้าเท่านั้น ไม่มีรถที่ติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว รถพลังไฟฟ้าที่ว่านี้ มีทั้ง BEV (BATTERY ELECTRIC VEHICLE) หรือรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ได้พลังไฟจากแบทเตอรี และ PHEV (PLUG-IN HYBRID ELECTRIC VEHICLE) หรือรถไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ นับแต่เริ่มกิจการจนถึงขณะนี้ มีรถติดป้ายยี่ห้อ POLESTAR ให้เลือกใช้รวม 3 อนุกรม คือ POLESTAR 1 (โพลสตาร์ 1) ซึ่งเป็นรถเก๋ง 4 ประตูคูเป 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยระบบไฮบริดชนิดต้องเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ POLESTAR 2 (โพลสตาร์ 2) ซึ่งเป็นรถเก๋งแฮทช์แบคขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ และ POLESTAR 3 (โพลสตาร์ 3) ซึ่งเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขับเคลื่อนทุกล้อด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ส่วน POLESTAR 4 (โพลสตาร์ 4) ที่เลือกมาบรรจุไว้ใน “ระเบียงรถใหม๋” เดือนนี้ เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวเมื่อกลางเดือนเมษายน 2023 แต่ต้องรอจนถึงปี 2024 จึงจะเริ่มการจำหน่าย โดยใช้โรงงานในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นฐานการผลิต เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดกลาง ซึ่งราคาค่าตัว และตำแหน่งในตลาดจะแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างรถ POLESTAR 2 และ POLESTAR 3 ตัวถังซึ่งยาว 4.839 ม. กว้าง 2.139 ม. (รวมกระจกมองข้าง) และสูง 1.544 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.269 และมีส่วนท้ายลาดเอียงเหมือนรถเก๋งคูเป เป็นตัวถังที่ออกแบบตามหลักสถาปัตยกรรม ที่เจ้าของกิจการ คือ GEELY HOLDING ของเมืองมังกร ออกแบบ/พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ และตั้งชื่อว่า SEA หรือ SUSTAINABLE EXPERIENCE ARCHITECTURE ซึ่งไม่รู้จะแปลเป็นไทยยังไง ? รูปทรงองค์เอวดูไฮเทค กับมีลักษณะการออกแบบ และอุปกรณ์การทำงานที่ไม่อาจพบได้ในรถทั่วๆ ไปอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น การแทนที่กระจกมองหลังด้วยการใช้กล้องที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาถ่ายภาพเบื้องหลังในลักษณะ REAL-TIME หรือตรงตามเวลาจริง แล้วแสดงภาพบนจอความคมชัดสูง ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า HIGH-DEFINITION SCREEN กับการออกแบบกระจกบานหลังให้เป็นชิ้นส่วนต่อเนื่องกับแผงหลังคา และมีระบบไฟฟ้าซึ่งทำให้สามารถปรับสภาพให้เป็นกระจกใสก็ได้ เป็นกระจกทึบแสงก็ได้ จะมีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ แบบแรกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า 343 นิวตันเมตร/35.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาดความจุ 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP รถจะวิ่งได้ไกลถึง 600 กม. ส่วนแบบหลังใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ได้กำลังรวมสูงสุด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 686 นิวตันเมตร/70.0 กก.-ม. ทำงานร่วมกันกับแบทเตอรีขนาดความจุ 102 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งทำให้รถวิ่งได้ไกลถึง 560 กม. เมื่อชาร์จไฟเต็ม และวัดตามมาตรฐาน WLTP เป็นระบบขับทุกล้อที่ปลดการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าชุดหน้าได้เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ เดือนพฤศจิกายน 2023 นี้ จะเริ่มการผลิต และจำหน่ายในเมืองมังกร ส่วนในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิค ต้องรอจนถึงต้นปี 2024 ราคาค่าตัวจะเริ่มต้นที่ระดับ 60,000 ยูโร หรือประมาณ 2.30 ล้านบาทไทย   POLESTAR 4 รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ระดับหรูขนาดกลาง ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ มิติตัวถัง 4.839x2.139 (รวมกระจกมองข้าง)x1.544 ม. ห้องโดยสาร 5 ที่นั่ง มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ชุด 200 กิโลวัตต์/272 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด 400 กิโลวัตต์/544 แรงม้า ขับเคลื่อนทุกล้อ ระยะเดินทางเมื่อชาร์จไฟเต็ม 600 และ 560 กม. (วัดตามมาตรฐาน WLTP)