CHEVROLET BLAZER EV เอสยูวี พลังไฟฟ้าล้วนๆ มีทั้งขับล้อหน้า ขับล้อหลัง และขับทุกล้อ

ปิด “ระเบียงรถใหม่” ในเดือนแห่งการต้อนรับ “รัฐบาลใหม่” ด้วย CHEVROLET BLAZER EV (เชฟโรเลต์ บเลเซอร์ อีวี) ผลงานใหม่อีกชิ้นของยักษ์ใหญ่เมืองพญาอินทรี ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเปลี่ยนสภาพเป็นยักษ์หนียะย่ายในเมืองไทย ในสหรัฐอเมริกา เมื่อเอ่ยชื่อ CHEVROLET BLAZER (เชฟโรเลต์ บเลเซอร์) คนรักรถที่ยังชื่นชอบรถสายเลือดอเมริกันพันธุ์แท้ จะทราบกันดีว่าเป็นชื่อของ MID-SIZE CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลางที่ผู้คนนิยมใช้ ปีหนึ่งขายในเมืองมะกันได้มากถึง 70,000 คัน รถอนุกรมนี้ปรากฏตัวให้ผู้คนได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 หลังจากนั้นจึงเริ่มการผลิตที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมือง RAMOS ARIZPE ของเมกซิโก เมื่อเดือนธันวาคม 2018 และเริ่มการจำหน่ายในเดือนถัดมา ในฐานะรถรุ่นปี 2019 นอกจากการผลิตที่เมกซิโก ในระยะต่อมาก็มีการผลิตรถอนุกรมนี้ที่โรงงานของค่าย SAIC-GM ในสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย เป็นรถที่มีขนาด และตำแหน่งในตลาด แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างรถ CHEVROLET EQUINOX (เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์) และ CHEVROLET TRAVERSE (เชฟโรเลต์ ทราเวิร์ส) ตัวถังยาว 4.874 ม. กว้าง 1.948 ม. และสูง 1.702 ม. ซึ่งติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 3 แถว นั่งได้รวม 5 คน ออกแบบโดยใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นร่วมกันกับรถร่วมเครืออีก 2 แบบ คือ BUICK ENCLAVE (บิวอิค เอนคเลฟ) กับ GMC ACADIA (จีเอมซี อคาเดีย) รถซึ่งจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ในฐานะรถรุ่นปี 2023 เป็นรถที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ “ยกหน้า” มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า รถขับเคลื่อนทุกล้อ และมีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 170 กิโลวัตต์/228 แรงม้า กับเครื่องเบนซินฉีดตรง DOHC วี 6 สูบ 3.6 ลิตร 230 กิโลวัตต์/308 แรงม้า แต่ระบบเกียร์เลือกไม่ได้เพราะมีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ HYDRA-MATIC ราคาค่าตัวขณะนี้ เริ่มต้นที่ 35,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.23 ล้านบาทไทย ส่วน CHEVROLET BLAZER EV ที่เลือกมาปิด “ระเบียงรถใหม่” เดือนนี้ เป็นพัฒนาการล่าสุดของรถอนุกรมนี้ เปิดตัวมาแล้ว 3 ปีเศษ คือ เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2022 แต่ต้องรอจนถึงฤดูร้อนของปี 2023 (ประมาณไตรมาส 3) นั่นแหละจึงจะเริ่มการจำหน่าย เป็นรถพลังไฟฟ้าล้วนๆ ที่ออกแบบ และพัฒนาขึ้นใหม่ โดยใช้พแลทฟอร์มที่ค่าย GM พัฒนาขึ้น เพื่อใช้กับรถพลังไฟฟ้าโดยเฉพาะ และตั้งชื่อว่า ULTRIUM PLATFORM รวมทั้งมีชิ้นส่วนอีกหลายชิ้น ที่ใช้ร่วมกันกับรถร่วมค่ายร่วมเครืออีก 2 แบบ คือ CHEVROLET EQUINOX EV (เชฟโรเลต์ อีควินอกซ์ อีวี) กับ CADILLAC LYRIQ (แคดิลแลค ไลริค) มีทั้งรถขับเคลื่อนล้อหน้า รถขับเคลื่อนล้อหลัง และรถขับเคลื่อนทุกล้อ แบ่งการตกแต่ง/ติดตั้งอุปกรณ์ (TRIM) เป็น 3 ระดับ กำกับด้วยรหัส CHEVROLET BLAZER EV 1LT (ขับล้อหน้า) CHEVROLET BLAZER EV 2LT (ขับล้อหน้า/ขับทุกล้อ) CHEVROLET BLAZER EV RS (ขับล้อหน้า/ขับล้อหลัง/ขับทุกล้อ) และ CHEVROLET BLAZER SS (ขับทุกล้อ) ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิค และข้อมูลจำเพาะต่างๆ ไม่บอกขนาดตัวถัง ไม่มีการระบุจำนวน และขนาดของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งในรถแต่ละโมเดล ไม่มีการระบุขนาดของแบทเตอรีที่ใช้ บอกแต่เพียงว่าเป็นแบทเตอรี LITHIUM-ION ซึ่งการชาร์จไฟแบบเร่งด่วนด้วยไฟฟ้า กระแสตรงที่สถานีชาร์จไฟ เพื่อให้รถวิ่งได้ไกล 125 กม. จะใช้เวลาสั้นมาก คือประมาณ 10 นาที ที่ยืนยัน และระบุตัวเลขอย่างชัดเจนก็คือ โมเดลที่ทรงพลังที่สุด และวิ่งเร็วที่สุด เป็นรถขับเคลื่อนทุกล้อ ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งให้กำลังรวมสูงสุด 416 กิโลวัตต์/557 แรงม้า และคาดว่าจะใช้เวลาเพียง 4 วินาที ในการทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ส่วนโมเดลที่วิ่งได้ไกลที่สุด เมื่อชาร์จไฟเต็มจะวิ่งได้ไกล 320 ไมล์ หรือประมาณ 515 กม. ราคาค่าตัวในสหรัฐอเมริกา จะเริ่มต้นที่ 44,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.57 ล้านบาทไทย   CHEVROLET BLAZER EV รถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดกลาง ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนๆ ขับเคลื่อนล้อหน้า/ขับเคลื่อนล้อหลัง/ขับเคลื่อนทุกล้อ มอเตอร์ไฟฟ้า 1 หรือ 2 ชุด กำลังสูงสุด 416 กิโลวัตต์/557 แรงม้า ระยะเดินทางเมื่อชาร์จไฟเต็ม 247 ไมล์/400 กม.-320 ไมล์/515 กม. ราคาในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นที่ 44,995 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.57 ล้านบาทไทย)