รถแข่งจาก Maranello ใช้รหัส "499P" โดยวิธีการตั้งรหัสรุ่นรถ ที่ Ferrari ใช้กันมานานหลายทศวรรษ ตัวเลข "499" คือ ความจุกระบอกสูบของแต่ละสูบ ที่คิดเป็นลูกบากศ์เซนติเมตร, ส่วน "P" หมายถึงรถต้นแบบ ระบบส่งกำลังด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด (มอเตอร์ไฟฟ้า) เครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์เจอร์ 2 ตัว
เครื่องยนต์ วี 6 สูบ กางมุม 120 องศา อาจเหมือนกับเครื่องยนต์ของ 296 GTB/GT3 แต่ไม่ใช่เครื่องยนต์แบบเดียวกัน โดย Ferdinando Cannizzo หัวหน้าหน่วยออกแบบ และพัฒนารถแข่ง GT ของ Ferrari ได้อธิบายว่าเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบ มีความแตกต่างกันตั้งแต่ระดับโครงสร้างของเครื่องยนต์ แต่ที่เลือกใช้เครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ เพราะมีน้ำหนักน้อย และขนาดกะทัดรัด
เครื่องยนต์ติดตั้งกลางลำ มีกำลังสูงสุด 680 แรงม้า ตามที่กติกากำหนด มีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับล้อหน้า กำลังสูงสุด 272 แรงม้า ด้วยกระแสไฟจากแบทเตอรี 900 โวลท์ ซี่งเป็นเทคโนโลยีจากรถแข่งสูตร 1 ขณะยกคันเร่ง และเบรคจะมีการชาร์จกระแสไฟกลับไปยังแบทเตอรี พลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์จะถูกส่งไปยังล้อหลังผ่านระบบเกียร์ Sequential 7 จังหวะ
Ferrari 499P ได้โชว์ตัวในรายการแข่งขัน Ferrari Finali Mondiali ที่สนาม Imola, รูปทรงของ 499P สไตล์การออกแบบจาก Ferrari Daytona SP3 ตัวรถสีแดงสดคาดแถบสีเหลืองแบบรถแข่ง 312PB ในสมัยทศวรรษ 1970
รถแข่งทั้ง 2 คันใช้หมายเลข #50 และ #51 โดยเบอร์แรกตรงกับระยะเวลาที่ Ferrari คว้าชัยชนะอันดับ 1 จากการแข่งขันที่ LeMans เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ส่วน #51 คือ ตัวเลขนำโชคที่รถแข่ง GT จากค่าย Ferrari ใช้เป็นประจำ
Ferrari 499P ทั้ง 2 คันได้ผ่านการทดสอบมากกว่า 12,000 กม. จะได้รับการรับรองให้ร่วมการแข่งขันได้ภายในสิ้นปีนี้ จะเปิดตัวครั้งแรกโดยการลงแข่งในการแข่งขัน WEC ช่วงกลางเดือนมีนาคม 2566 ในรายการ 1,000 Miles Sebring

