ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ค่าย Honda มุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในสหรัฐอเมริกา แม้ในปัจจุบันความต้องการซื้อรถไฟฟ้าลดลง แต่ทางค่ายยังคงเดินหน้าต่อ ด้วยเป้าหมายเพิ่มการผลิตรถไฟฟ้าเป็น 2 เท่า และในปี 2583 จะเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทั้งระบบแบทเตอรี และเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
ปัจจุบันความต้องการซื้อรถไฟฟ้าลดลงในบางตลาด แต่ Honda ยังคงมุ่งมั่นผลิตรถไฟฟ้าต่อไป โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีแบทเตอรี และกระบวนการผลิต ด้วยการลงทุนหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.59 แสนล้านบาท : 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) ตามแผนกลยุทธการผลิตรถไฟฟ้าจนถึงปี 2573
การลงทุนส่วนใหญ่ถึง 60 % สำหรับกระบวนการผลิต, การพัฒนารถไฟฟ้าแบบใหม่ และรถจักรยานยนต์ โดยลงทุน 20 % ในตลาดหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา, แคนนาดา และญี่ปุ่น และอีก 20 % สำหรับการวิจัย และพัฒนาซอฟท์แวร์ด้านการขับเคลื่อน
Honda ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกสำหรับรถไฟฟ้า (BEV) และรถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (FCEV) ต้องมีส่วนแบ่งการตลาด 40 % ทั่วโลก ในปี 2573 และต้องทำยอดขายรถไฟฟ้าให้ได้ 2 ล้านคัน ในปีเดียว สำหรับ Clarity และ Fit ที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าจะถูกแทนที่ด้วย Prologue รถไฟฟ้าแบบแรกที่ผลิตขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของตลาดสหรัฐอเมริกา
ในปี 2569 จะผลิตรถใหม่ คือ ซีรีส์ 0 เพื่ออุดช่องว่างการตลาดของ Prologue ในอเมริกาเหนือ โดยรถแบบแรกในอนุกรมของซีรีส์ 0 จะแชร์พื้นฐานกับรถซีดานที่เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ในงาน CES 2024 จากแนวคิดการพัฒนารถ คือ "Thin (มีรูปทรงลู่ลม และพแลทฟอร์มบาง), Light (ปราดเปรียว และมีประสิทธิภาพ) และ Wise (ใช้ซอฟท์แวร์อัจฉริยะจากเทคโนโลยีของบริษัทที่สั่งสมตลอดมา)"
ข้อมูลจำเพาะของรถซีดานรุ่นใหม่ยังไม่มีความชัดเจน แต่กำหนดให้ต้องชาร์จแบทเตอรีจาก 15-80 % ภายใน 15 นาที โดยแต่ละรุ่นจะมีรูปทรงคล้ายกัน และใช้พแลทฟอร์มรถไฟฟ้าขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ที่พัฒนาขึ้นจากการทุ่มทุนครั้งใหญ่ของบริษัทฯ