เอาดี เอสคิว 5 ครอสส์โอเวอร์ "สี่ห่วง" หรูและแรง

ปัจจุบันตลาดครอสส์โอเวอร์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีกว่า 20 บริษัทได้ผลิตรถประเภทนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็น บีเอมดับเบิลยู, โพร์เช, เมร์เซเดส-เบนซ์, แลนด์ โรเวอร์ ฯลฯ และหลายบแรนด์ก็มีรุ่นพิเศษ ที่เน้นสมรรถนะเป็นจุดขาย เช่น เมร์เซเดส-เอเอมจี จีแอลซี 43 หรือ โพร์เช มาคัน เอส ทางค่าย เอาดี จึงได้เพิ่มตัวเลือกใน คิว 5 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแรง โดยนำเครื่องยนต์ดีเซล วี 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ จากรุ่น เอสคิว 7 ผู้พี่ มาวางอยู่ในใต้ฝากระโปรงของ คิว 5 นอกจากนี้ ยังได้เน้นการตกแต่งที่สวยงาม หรูหรา แฝงไว้ด้วยความสปอร์ท โดยเรียกชื่อรุ่นพิเศษนี้ว่า เอสคิว 5 ทีดีไอ มาพร้อมระบบ ELECTRIC POWER COMPRESSOR หรือ EPC ซึ่งระบบใหม่นี้ เคยติดตั้งไว้ในรุ่น เอสคิว 7 ทีดีไอ ช่วยสร้างแรงบิดให้พร้อมใช้งาน ในขณะที่กำลังจากไอเสียมีน้อยไม่เพียงพอต่อการทำงานของเทอร์โบ เช่น ในช่วงที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบที่ต่ำกว่า 1,650 รตน. ระบบนี้จะเข้ามาช่วยเสริมไม่ให้เกิดอาการรอรอบของเทอร์โบ เครื่องยนต์จะมีแรงบิดมาให้ใช้งานอย่างรวดเร็วและช่วยประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ ยังมีระบบ MILD HYBRID ที่จะมาช่วยเพิ่มความประหยัดเชื้อเพลิงอีกด้วย

ภายนอกของ เอสคิว 5 ทีดีไอ ได้รับการปรับแต่งให้แตกต่างจากรุ่นธรรมดาหลายจุดด้วยกัน เช่น ในส่วนของกันชนหน้า, ไฟหน้า/หลัง เป็นแบบแอลอีดีทั้งหมด, วงล้อขนาด 21 นิ้ว ฯลฯ รวมไปถึงรายละเอียดบนกระจังหน้าที่มีอักษร เอส ที่จะบ่งบอกถึงความไม่ธรรมดา นอกจากนี้ ยังมี สีดำพิเศษ PANTHER BLACK ให้เลือกใช้อีกด้วย   ภายในห้องโดยสาร เน้นความสปอร์ทโดยเลือกใช้สีโทนเข้ม บริเวณคอนโซลกลาง และแพดเดิล ชิฟท์ ใช้วัสดุอลูมิเนียม แป้นเหยียบคันเร่งและเบรคทำจากสเตนเลสส์สตีล เน้นความหรูหราที่แตกต่างไปจาก คิว 5 รุ่นปกติ เบาะนั่งบุด้วยหนังสลับกับอคันทารา ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แบ่งการทำงานออกเป็น 3 โซน, ระบบอินโฟเทนเมนท์ที่มีความทันสมัย ให้ความบันเทิงอย่างครบครัน มาพร้อมระบบนำทาง ฯลฯ แต่พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระยังเป็นรองคู่แข่งอยู่บ้าง   ส่วนด้านสมรรถนะที่เร้าใจมาจากแหล่งพลังดีเซลแบบ วี 6 สูบ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 347 แรงม้า และแรงบิดมากถึง 71.3 กก.-ม. มีมาให้ใช้ตั้งแต่ 2,500-3,100 รตน. ส่งกำลังผ่านเกียร์ทิพทรอนิค 8 จังหวะไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบกวัตตโร อันโด่งดังของ เอาดี ที่ใช้ SELF-LOCKING CENTER DIFFERENTIAL ใน การขับแบบปกติจะมีการกระจายกำลังระหว่างล้อคู่หน้าและหลัง ในอัตราส่วน 40:60 โดยจะสามารถส่งกำลังไปล้อคู่หลังได้มากถึง 85 % นอกจากนี้ ยังสามารถส่งกำลังสูงสุดถึง 70 % ไปที่ล้อคู่หน้าได้ในบางสถานการณ์ โดยมี SPORT DIFFERENTIAL เป็นทางเลือกเสริมที่เพลาหลัง เพื่อทำหน้าที่กระจายแรงบิดระหว่างล้อหลังซ้าย/ขวา ในขณะเข้าโค้งอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยและมีความสมดุลในการขับขี่ให้มากที่สุด อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม.   เอสคิว 5 เป็นรถที่มีการผสมผสานที่ดี ระหว่างความสปอร์ท และสะดวกสบาย ในการขับขี่ พวงมาลัยให้ความเฉียบคมในการควบคุมบังคับเป็นอย่างดี ระบบรองรับหน้า/หลังเป็นแบบไฟว์ลิงค์ ที่ปรับเซทมาแบบสปอร์ท ให้การควบคุมรถทั้งทางตรงและทางโค้งเป็นไปด้วยดี เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีการเปลี่ยนช้าไปบ้างในบางจังหวะ ประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างน่าพอใจ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 กม./ลิตร   เอสคิว 5 น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถครอสส์โอเวอร์อเนกประสงค์ แต่มีสมรรถนะที่รวดเร็ว การควบคุมบังคับที่เฉียบคมไม่แพ้รถเก๋งซีดาน มีความสวยงามทั้งภายในและภายนอก หรูหรา สมราคากับที่ตั้งไว้สูงกว่า คิว 5 ตัวธรรมดาอยู่เยอะพอสมควรทีเดียว    

คุณรู้หรือไม่ ?

    ระบบ MILD HYBRID ของ เอสคิว 5 ทีดีไอ เมื่อถอนคันเร่งรถจะสามารถสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับคืนมาได้ถึง 12 กิโลวัตต์ โดยนำมาเก็บไว้ที่แบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน ที่อยู่ใต้พื้นในห้องเก็บสัมภาระ นอกจากนี้เมื่อถอนคันเร่งในขณะที่ขับด้วยความเร็วระหว่าง 55-160 กม./ชม. ในบางช่วงจะสามารถขับเคลื่อนโดยไม่ใช้พลังจากเครื่องยนต์ได้นานถึง 40 วินาที โดยระบบนี้จะช่วยให้สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 0.7 ลิตร/ระยะการวิ่ง 100 กม. เลยทีเดียว