อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองประธาน สายงานการตลาด และการขาย NISSAN ภูมิภาคอาเซียน ฟอร์มูลา : คุณมองอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ และอีก 3-5 ปีข้างหน้าอย่างไร ? เซคิกุจิ : NISSAN (นิสสัน) คาดว่าสภาพแวดล้อมในตลาดจะรุนแรงกว่าปี 2021 เนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์อย่างต่อเนื่อง ราคาวัตถุดิบ และต้นทุนด้านลอจิสติคส์ที่สูงขึ้น วิกฤตจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงผลกระทบด้านการจัดหาชิ้นส่วนจากการลอคดาวน์ในจีน อย่างไรก็ตาม NISSAN ตั้งใจที่จะลงทุนในประเทศไทยต่อไป พร้อมสร้างความแข็งแกร่งให้บแรนด์ NISSAN เป็นบแรนด์รถยนต์ชั้นนำ 5 อันดับแรกในตลาดประเทศไทย ด้วยการผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงคุณภาพการขาย และเสริมสร้างความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ NISSAN มองว่าอนาคตของประเทศไทยจะไปในทิศทางที่ดี เป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งในด้านขนาดตลาดภายในประเทศ การผลิต และการส่งออก โดยอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ ฟอร์มูลา : คุณวางนโยบาย และทิศทางของ NISSAN ในประเทศไทยไว้อย่างไร ? เซคิกุจิ : ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่มั่นคง และเป็นตลาดสำคัญของ NISSAN ในภูมิภาคนี้ ซึ่ง NISSAN ตั้งใจที่จะลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยไทยยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิต และส่งออกหลักของเราโดยเฉพาะตลาดพิคอัพ ที่ NISSAN ให้ความสำคัญอย่างมาก จะเห็นได้จาก NISSAN NAVARA (นิสสัน นาวารา) รุ่นใหม่ ปี 2022 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย 360 SAFETY SHIELD และรูปลักษณ์ใหม่ที่ดุดัน และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด NISSAN ประเทศไทย มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน รถยนต์ของเราเป็นที่รู้จักในทุกกลุ่มผู้บริโภค ทั้งรถยนต์ในเมืองขนาดเล็ก ไปจนถึงคอมแพคท์คาร์ และเอสยูวี และรถพิคอัพที่แข็งแกร่ง โดยมีเครื่องยนต์ และเทคโนโลยีให้เลือกมากมาย ตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ไปจนถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % พร้อมจะแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย ? เซคิกุจิ : การแข่งขันเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น NISSAN เป็นบแรนด์ที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ ความน่าเชื่อ และความมั่นใจ อีกทั้งยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 70 ปี จึงถือว่าอยู่ในสถานะที่เข้มแข็งพอที่จะแข่งขัน ฟอร์มูลา : คุณจะเสริมสร้างบแรนด์ NISSAN ให้มีความแข็งแกร่งเหมือนในอดีตได้อย่างไร ? เซคิกุจิ : ประสบการณ์กว่า 70 ปีในตลาดไทย ทำให้ NISSAN เข้าใจผู้บริโภค ตลาด และอุตสาหกรรมในเชิงลึก ซึ่งเป้าหมายของ NISSAN คือการสร้างความแข็งแกร่งให้บแรนด์ และสร้างความมั่นใจในการผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงคุณภาพการขาย และเสริมสร้างความร่วมมือกับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ผมเชื่อว่ากลยุทธ์สำคัญหลักๆ เหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ NISSAN ในประเทศไทย ฟอร์มูลา : คุณมองว่า NISSAN ควรจะปรับปรุงในส่วนใดบ้าง ? เซคิกุจิ : ปัจจุบัน NISSAN ยังไม่มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนในใจลูกค้า การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดโดยใช้ BRAND AMBASSADOR จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ชัดเจน และโดดเด่นมากขึ้น ฟอร์มูลา : NISSAN เตรียมพร้อมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ EV ในอนาคตอย่างไร ? เซคิกุจิ : ในฐานะผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก NISSAN มีนโยบายสนับสนุนการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาใช้ในประเทศไทย จะเห็นได้จากปี 2020 NISSAN ประเทศไทย นำเทคโนโลยีของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบใหม่ คือ NISSAN KICKS E-POWER (นิสสัน คิคส์ อี-เพาเวอร์) มาแนะนำ รวมถึงทุ่มเงินหลายพันล้านบาทในการผลิต NISSAN KICKS E-POWER ที่ไทยเป็นแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น โรงงานในประเทศไทย ไม่ได้ผลิต NISSAN KICKS E-POWER เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ได้ส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงตลาดอื่นๆ นอกภูมิภาค นอกจากนี้ ยังลงทุนเรื่องการฝึกอบรม ยกระดับทักษะของพนักงาน โดยตั้งเป้าให้โรงงานในประเทศไทยเป็นฐานสำคัญสำหรับการผลิต และการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของ NISSAN ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจซื้อของลูกค้า และคุณค่าที่ลูกค้าได้รับเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการนำ EV เข้ามาใช้เพิ่มเติม โดย NISSAN จะสานต่อเส้นทางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ก็จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาป เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าต่อไป ฟอร์มูลา : เป้าหมายของ NISSAN ในประเทศไทย ? เซคิกุจิ : เป้าหมายของ NISSAN คือ การสร้างบแรนด์ NISSAN ให้เข้มแข็ง และเป็นบแรนด์รถยนต์ชั้นนำในอันดับ TOP 5 ในตลาดประเทศไทย พร้อมกับสานต่อเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ปี 2023 ให้สอดคล้องกับ NISSAN AMBITION 2030 ที่ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทที่ยั่งยืน สนับสนุนสังคมให้สะอาด ปลอดภัย โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีที่น่าตื่นเต้น และประสบการณ์ที่ผสมผสานเข้ากับความต้องการของลูกค้า และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ผมมองว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ และเต็มไปด้วยโอกาส อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญมาตลอด ไทยเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการผลิตรถพิคอัพขนาด 1 ตันที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก มีฐานซัพพลายเออร์ และห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง NISSAN จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะยังคงรักษาตำแหน่งศูนย์กลางยานยนต์ของภูมิภาคไว้ได้