รายงานข่าวจากออสเตรเลีย ระบุว่า รัฐบาลของรัฐวิคทอเรีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย เสนอแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีรถยนต์ที่เกี่ยวเนื่องกับไฟฟ้า สำหรับปีงบประมาณ 2563/2564 หลังตั้งเป้าจะให้เป็นรัฐที่ปลอดมลภาวะ ภายในปี 2593อัตราภาษีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะเรียกเก็บในอัตรา 2.5 เซนต์/กม. หรือประมาณ 11.17 บาท ส่วนรถยนต์ไฮบริด-ไฟฟ้า จะเรียกเก็บในอัตรา 2 เซนต์/กม. หรือประมาณ 4.50 บาท โดยรัฐบาลของรัฐวิคทอเรีย ประเมินว่า จะสามารถจัดเก็บรายได้ราว 30 ล้านเหรียญออสเตรเลีย/ปี หรือประมาณ 670 ล้านบาท ทันทีที่เป็นข่าว Behyad Jafari ประธานสภายานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Council) ให้สัมภาษณ์ในทันที่ว่า เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว และงุนงง ประธานสภาฯ กล่าวว่า “ไม่มีประเทศไหน มีความคิดที่จะจัดเก็บภาษีอัตราพิเศษ สำหรับการใช้รถไฟฟ้า” และ “ภาษีอัตราใหม่นี้ สร้างขึ้นจากตำนานในอดีต ที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิง ไม่ยืนยันว่าเราจะได้ถนนสายที่เรียบที่สุด และเชื่อว่าจะต้องยกเลิกในไม่ช้า” รายงานข่าวจากสภายานยนต์ไฟฟ้า ระบุว่า รัฐบาลของรัฐวิคทอเรีย ปฏิเสธคำขอในการเข้าพบเพื่อชี้แจงในรายละเอียด มีเสียงเล่าขานเกี่ยวกับรัฐวิคทอเรีย และออสเตรเลียใต้ ที่ไม่ให้ความสำคัญกับรถไฟฟ้า ขณะที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ก็มีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีจากรถไฟฟ้าเช่นกัน สภายานยนต์ไฟฟ้า ระบุว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าว ซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวในโลก จะยิ่งทำให้รัฐนิวเซาธ์เวลส์ กลายเป็น “เมืองหลวงของรถยนต์สกปรกในโลก” (Dirty Car Capital of the World) ที่อัตราภาษีจะทำให้การเกิดของรถไฟฟ้า จะกลายเป็นหัวข้อในการพิจารณาเลือกซื้อสำหรับกลุ่มบริษัทที่ใช้รถยนต์จำนวนมาก บรรดาผู้ผลิต อย่างกลุ่ม Volkswagen และ Jaguar Land Rover ได้แสดงความไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น ที่ความต้องการของตลาดรถยนต์ออสเตรเลีย เข้มงวดในมาตรฐาน ขณะที่ไม่สามารถควบคุมคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ทำให้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบกรองเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ มีปัญหากับการใช้งานที่คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงในแบบเดิมๆ โดยการนำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ชนิดใหม่ๆ มาแนะนำในออสเตรเลีย และมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
บทความแนะนำ