All New MG3 Hybrid รถคอมแพคท์ไฮบริดถูกที่สุดในตลาด

MG3 เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ผลิตโดยบริษัทยานยนต์ SAIC ของจีน รุ่นแรกที่วางตลาดในชื่อ MG3 SW มีพื้นฐานมาจาก Rover Streetwise ที่ผลิตในอังกฤษ เมื่อปี 2005 ในขณะที่เจเนอเรชัน 2 เปิดตัวในปี 2011 ได้ทำตลาดมาอย่างยาวนาน จนถึงปีนี้ได้มีการเปิดตัว All New MG3 Hybrid เจเนอเรชันที่ 3 ภายในงาน Geneva Motor Show 2024

 

 

MG3 Hybrid ได้รับการออกแบบภายนอกอย่างโฉบเฉี่ยว ด้านหน้ามีความคล้ายกับ MG4 ไฟหน้า LED ทรงเรียว ช่องระบายอากาศด้านหน้าแบบ Digital Burning Grille กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟตัดหมอก ด้านข้างมีดีไซจ์นทรงท้ายตัดแฮทช์แบคหลังคาลาด ที่เปิดประตูแบบดึง

 

 

ด้านท้าย ไฟท้าย LED ดีไซจ์นสวยงามทันสมัย กันชนหลังทรงสปอร์ทพร้อมสปอยเลอร์หลัง มีขนาดมิติตัวถัง 

ยาว 4,113 มม. กว้าง 1,797 มม. สูง 1,502 มม. ระยะฐานล้อ 2,570 มม. น้ำหนัก 1,285 กก. หากเทียบกับรุ่นเดิม MG3 Hybrid มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นในทุกมิติ คือ ยาวขึ้น 58 มม. กว้างขึ้น 50 มม. เตี้ยลง 14 มม. ส่วนระยะฐานล้อยาวขึ้น 50 มม.

 

 

ภายในทันสมัย ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันยกมาจาก MG4 แผงหน้าปัดดิจิทอลแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.25 นิ้ว คอนโซลกลางยังคงมีปุ่มควบคุมการทำงาน เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิขณะขับรถ

 

 

รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-Smart ที่ช่วยเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น เกียร์อัตโนมัติแบบปุ่มหมุน Shift By Wire พร้อมเบรคมือไฟฟ้า และ Auto Hold

 

 

MG3 ใช้เครื่องยนต์แบบไฮบริดเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle พละกำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด136 แรงม้า

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังสูงสุด 194 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ

อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 22.72 กม./ลิตร

 

 

แบทเตอรี Lithium-ion ขนาด1.83 กิโลวัตต์ชั่วโมง โหมดการขับขี่ Drive Mode มีให้เลือก 3 รูปแบบ ECO, Standard, Sport โหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel

 

 

ในโหมด EV รถจะทำงานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น (หากประจุแบทเตอรีเพียงพอ) โดยเครื่องยนต์สันดาปส่งพลังงานไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งจะจ่ายพลังงานให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า และเมื่อต้องการกำลัง และสมรรถนะที่มากขึ้น เครื่องยนต์สันดาปจะส่งกำลังไปที่ล้อ และชาร์จแบทเตอรีผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าด้วย

 

 

ไฮไลท์ของ All New MG 3 Hybrid+ คือ มาพร้อมความปลอดภัยที่ทันสมัย แบบจัดเต็ม ได้แก่ 

- ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)

- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้า ในขณะขับขี่ Forward Collision Warning)

- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

 

 

- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ทำงานร่วมกับเซนเซอร์กะระยะการจอด

- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ Isofix กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

- ระบบป้องกันล้อลอคขณะเบรคฉุกเฉิน ABS ระบบกระจายแรงเบรค EBD

- ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอีเลคทรอนิคส์ EBA ระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ควบคุมการลื่นไถล TCS

- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS

 

 

MG3 Hybrid มีทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ Pebble Black, สีขาว Dover White, สีบรอนซ์เงิน Cosmic Silver, สีเหลือง Pastel Yellow, สีแดง Diamond Red, สีเทา Hampstead Grey และสีน้ำเงิน Como Blue โดยจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 17,000 ปอนด์ จะเป็นหนึ่งในรถคอมแพคท์ไฮบริดที่ถูกที่สุดในตลาด ขณะที่ Toyota Yaris อยู่ที่ 22,630 ปอนด์ สำหรับตลาดประเทศไทยคาดว่าจะพบตัวจริงได้ภายในปีนี้